บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +36.1%

Close Jul 21, 2022 Price (THB) 15.80

12M Target (THB) 21.50

Previous Target (THB) 21.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติใน 2Q65 ที่ 434 ลบ. (+1.7%QoQ, +147.8%YoY) จากปริมาณการขายไก่เป็นให้ GFN สูงขึ้น, ราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ ตามทิศทางราคาไก่หน้าฟาร์มที่สูงขึ้น ช่วยชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด ประกอบกับค่าขนส่งทางเรือที่เริ่มชะลอลง
  • เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรจะเติบโตได้ต่อและทำระดับสูงสุดใหม่ของปีได้ใน 3Q65 เนื่องจากราคาไก่ในประเทศยังปรับขึ้นต่อ QoQ และเป็น High Season ของการส่งออก

Our view

  • เราประเมินว่าแม้แนวโน้มต้นทุนจะเริ่มชะลอตัวบ้างในปัจจุบัน แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงต้นปีมาก ทำให้ราคาไก่คาดจะยังทรงตัวระดับสูงกว่า 50 บาท ได้ใน 3Q65 และอาจเริ่มเห็นการเริ่มชะลอตัวใน 4Q65 แต่จะยังเป็นระดับราคาที่สูงกว่าต้นปีอย่างมีนัยยะ ทำให้คงมุมมองบวกต่อแนวโน้มกำไรในปี 2565 และมีโอกาสเติบโตต่อได้ในปี 2566
  • คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ที่ 21.50 บาท มี Upside gain 36.1% คงคำแนะนำ “ซื้อ” มองว่าราคา ปัจจุบันที่ย่อลงมาเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน

GFPT ราคาไก่ยังยืนแข็ง คาดยังทรงตัวระดับสูงได้ต่อใน 3Q65

คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโตต่อทั้ง QoQ และ YoY จากราคาไก่ระดับสูง

เราคาดกำไรปกติ 2Q65 ของ GFPT ที่ 434 ลบ. เติบโต 1.7% QoQ และ 147.8% YoY จากปริมาณการขายไก่เป็นให้ GFN สูงขึ้น และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับขึ้นในทุกธุรกิจตามแนวโน้มขาขึ้นของราคาไก่หน้าฟาร์มในประเทศ  โดยไก่หน้าฟาร์มมีราคาเฉลี่ยใน 2Q65 (อิงสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร) อยู่ที่ 43.6 บาท/กก. (+7.7%QoQ, +32.2%YoY), ราคาโครงไก่ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 23 บาท/กก. ราคาขายส่งออกปรับขึ้นราว 5% จากกลุ่มลูกค้าฝั่งยุโรป ซึ่งสามารถช่วยชดเชยต้นทุนที่การเลี้ยงที่สูงขึ้นได้ทั้งหมด ขณะที่ปริมาณขายโครงไก่ในประเทศอาจได้ผลกระทบบ้างจากราคาขายที่สูงขึ้น ส่วนปริมาณการส่งออกคาดเติบโตต่อเป็น 7,800 ตัน จาก 7,700 ตันใน 1Q65 ทำให้เราคาด GPM ที่ 15.0% ปรับตัวขึ้นต่อจาก 14.2% ใน 1Q65 ขณะที่ SG&A/Sales คาดปรับลงเป็น 8.7% จาก 9.6% ใน 1Q65 จากค่าขนส่งทางเรือที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทั้ง GFN และ Mckey ลดลงเนื่องจากการรับรู้ราคาต้นทุนเนื้อไก่ที่สูงขึ้น เราคาดส่วนแบ่งกำไรจาก GFN และ Mckey ที่ 80 ลบ. และ 74 ลบ. ตามลำดับ

แนวโน้ม 3Q65 คาดว่าจะทำจุดสูงสุดของปี

เราประเมินว่าราคาไก่ในประเทศจะยังสูงขึ้นต่อจาก 2Q65 เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยปัจจุบันราคาไก่หน้าฟาร์มปรับขึ้นเป็น +/- 50 บาท/กก. ขณะที่การที่กระทรวงพาณิชย์มีมุมมองว่าราคาเนื้อสัตว์ในประเทศจะปรับลงหลังจากนี้หลังราคาต้นทุนเริ่มชะลอตัว และอาจมีการควบคุมราคาไก่อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าจะเป็นเพียงการจำกัด Upside ของราคาไก่ไม่ให้สูงขึ้นไปมากจากนี้มากกว่า และต้นทุนเพิ่งเริ่มชะลอตัวลงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี ขณะที่การควบคุมราคาคาดไม่จะไม่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง เป็นเพียงการขอความร่วมมือตรึงราคา ณ ระดับราคาปัจจุบันเหมือนที่เคยขอในช่วงก่อนหน้าเท่านั้น ส่วนการส่งออกบริษัทแจ้งว่ายังไม่เห็นสัญญาณการชะลอตัวของปริมาณขายจากปัจจัยความกังวลเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับเป็นช่วง High Season ของการส่งออก ทำให้เราประเมินว่ากำไรของบริษัทจะสามารถทำระดับสูงสุดของปีได้ใน 3Q65 จากราคาขายที่สูงขึ้น และ Demand ในต่างประเทศที่ยังแข็งแกร่ง

ขณะที่ 4Q65 คาดจะเริ่มเห็นผลของราคาต้นทุนที่ปรับลงชัดเจนมากขึ้น ทำให้ราคาไก่อาจมีการชะลอตัวบ้าง แต่คาดว่าจะไม่ชะลอตัวไปมากกว่าต้นทุนที่ลดลง ทำให้ GFPT จะยังรักษาระดับ GPM ที่ 14-15% อยู่ได้ ขณะที่ปริมาณขายในประเทศคาดได้ผลกระทบจากปัจจัยฤดูกาลที่มีเทศกาลกินเจ อย่างไรก็ตาม คาดกำไรใน 4Q65 จะยังเติบโตสูง YoY ซึ่งเรายังต้องติดตามทิศทางราคาไก่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดประเทศมากขึ้นของญี่ปุ่นและจีน ซึ่งจะเป็น Upside ต่อปริมาณการส่งออก

ราคาปัจจุบันมองเป็นโอกาสเข้าสะสม… คงคำแนะนำ “ซื้อ”

เราคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ GFPT ในปี 2565 ที่จะเติบโตเด่นจากราคาไก่ที่สูงขึ้น ขณะที่ปี 2566 มีโอกาสเติบโตได้ต่อแม้ราคาไก่คาดจะชะลอลงตามราคาต้นทุน เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะรักษาระดับ GPM ได้, มีปริมาณขายที่สูงขึ้น และปัจจัยกดดันด้านการขนส่งทางเรือคลี่คลายมากขึ้น เราคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่ 21.50 บาท และคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER65 ต่ำเพียง 11.9 เท่า เชิงกลยุทธ์ราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมาสะท้อนความเสี่ยงของการชะลอตัวของราคาไก่ไปแล้ว มองว่าน่าสนใจในการเข้าลงทุนอีกครั้ง

- Advertisement -