บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Action TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +7.9%

Close Jul 21, 2022 Price (THB) 31.75

12M Target (THB) 34.25

Previous Target (THB) 39.00

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 720 ลบ. (-3.9%QoQ, -12.2%YoY) เนื่องจากการ Transition สินค้ากลุ่ม 12 บาท ที่ช้ากว่าที่คาด และเป็นช่วงเปลี่ยนมาใช้ขวดแบบใหม่ ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง
  • คาดว่าจะเริ่มกลับมาเห็นส่วนแบ่งทางการตลาด M-150 เริ่มฟื้นตัวได้ใน 4Q65 พร้อมกับ GPM ที่สูงขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป

Our view

  • เราคงมุมมองบวกในระยะยาวของ OSP เนื่องจากคาดว่าในปี 66 จะเริ่มเห็นผลบวกของการขึ้นราคา
  • สถานการณืในเมียนมาไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญ
  • การลงทุนในช่วงสั้น CBG/SNNP อาจน่าสนใจกว่า แต่ราคาปัจจุบันเริ่มมี Downside จำกัด เหมาะกับการซื้อลงทุนที่คาดหวังการเติบโตในปี 2566
  • ปรับประมาณการปี 65 ลง 17% ได้เป้าหมายใหม่สิ้นปี 2565 ที่ 34.25 ลดคำแนะนำเป็น TRADING

OSOTSPA ไม่เด่นไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับมา

2Q65 บาดเจ็บจากช่วงเปลี่ยนผ่าน

เราคาดรายได้ที่ 7,328 ลบ. (-1.9% QoQ, +6.0% YoY) รายได้เครื่องดื่มยังเติบโตได้ YoY จากตลาด CLMV และเครื่องดื่ม Functional drinks แม้ว่าเครื่องดื่มบำรุงกำลังจะหดตัวสวนทางตลาดที่เติบโตราว 7%YoY ใน 2Q65 เนื่องจากเป็นช่วงแรกของการเปลี่ยนผ่านของการกระจายสินค้า M-150 ขนาด 12 บาท และผู้บริโภคมีการปรับตัว ทำให้มีส่วนแบ่งการตลาดลดลงในช่วงแรก ขณะที่ GPM คาดว่าจะลดลงอีกเป็น 31.2% จาก 31.7% ใน 1065 และ 36.3% ใน 2Q64 จากเดิมที่คาดว่าจะ Bottom ไปแล้วใน 1Q65 เนื่องจากช่วงเปลี่ยนผ่านของตลาด Energy drinks ทำได้ช้ากว่าที่คาดเพราะคู่แข่งไม่ได้ปรับตัวตาม นอกจากนี้ยังเป็นช่วงทยอยปรับขวดแก้วรูปแบบใหม่ที่บางลง ทั้ง 2 ส่วนกระทบอัตราการใช้กำลังการผลิต ในขณะที่การทำการตลาดยังต้องดำเนินควบคู่กันไปจึงไม่สามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ แต่คาดส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ 90 ลบ. (+6.5%QoQ, +35.3%YoY) ขณะที่เงินปันผลจาก Unicharm ค่อนข้างน้อยมาก ในปีนี้เราคาดที่เพียง 20 ลบ. คาดกำไรสุทธิที่ 720 ลบ. (-3.9%QoQ, -12.2%YoY)

ยืนยันเดินหน้า 12 บาท … คาดเห็นผลช่วง 4Q65

เราคาดรายได้เครื่องดื่มอาจชะลอลง QoQ ใน 3Q65 ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังเติบโต YoY ได้จากฐานที่ต่ำ เพราะการระบาดของสายพันธุ์เดลต้าใน 3Q64 และเริ่มวางจำหน่าย M-150 เทอร์ปีนขวดละ 12 บาทใน เดือน ก.ค. ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี รวมถึง GPM ที่คาดว่าอาจฟื้นตัวได้เล็กน้อย หลังผู้บริโภคและตัวแทนจำหน่ายผ่านช่วงปรับตัวจากการขึ้นราคาไปแล้ว คาดว่าส่วนแบ่งทางการตลาดจะเริ่มทรงตัวได้ การกระจาย M-150 ขวด 12 บาทครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว คาดว่าจะเริ่มเห็นผลของการปรับขึ้นราคาที่ช่วยหนุน GPM ให้เพิ่มขึ้นในภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นนี้ได้ พร้อมกับส่วนแบ่งการตลาดที่เริ่มฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้ในช่วง 4Q65 ส่วนประเด็นเมียนมาเรามองผลกระทบเป็นกลาง เนื่องจากการขายสินค้า และการกระจายสินค้ายังเป็นไปตามปกติ แต่อาจมีผลกระทบในการส่งสินค้า (หัวเชื้อ) ข้ามประเทศบ้าง

เป็นช่วงสะสม สำหรับการลงทุนปี 2566

เราปรับประมาณการกำไรปี 65 – 66 ลงจากการเปลี่ยนผ่านสินค้าราคาใหม่ที่ใช้เวลานานกว่าคาด และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงต่ำกว่าที่คาด โดยปรับกำไรสุทธิลง 16.8% และ 14.9% เป็น 3,014 ลบ. (-7.4%YoY) และ 3,586 ลบ. (+19.0%YoY) ตามลำดับ ด้วยราคาหุ้นปรับตัวลงมาแรงแล้ว จากความกังวลเรื่องสถานการณ์ในเมียนมา ต่อเนื่องด้วยแนวโน้มกำไร 2Q65 อาจแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ ทำให้ราคาตลาดมี Downside risk อีกไม่มาก เป็นโอกาสในการสะสมที่ระดับ 30 บาท+/- สำหรับการลงทุน เพื่อคาดหวังผลตอบแทนที่สูงในปี 2566 เนื่องจากคาดว่ายอดขายสินค้ากลุ่ม M-150 จะฟื้นตัว ขณะที่ต้นทุนการผลิตที่เริ่มลดลง ทำให้ OSP จะมีการฟื้นตัวของ GPM แรงที่สุดในกลุ่ม แต่สำหรับการลงทุนในช่วงสั้น CBG และ SNNP อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ลดคำแนะนำเป็น TRADING ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ลดลงจาก 39.00 บาท เป็น 34.25 บาท มี Upside gain 7.9% (DCF) รวมมูลค่าเพิ่ม 2% บน FCFF จาก Yuanta ESG Rating ที่ AA

- Advertisement -