Our View? “แกว่งแคบรอเลือกทาง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,540 / 1,530 และแนวต้านที่บริเวณ 1,560 / 1,570 คาดตลาดอาจได้รับ Sentiment เชิงลบอ่อนๆ จากตลาดต่างประเทศได้บ้าง หลังเมื่อคืนวันศุกร์ S&P Global รายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐเดือน ก.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.5 ต่ำกว่าระดับ 50.0 สะท้อนภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว อย่างไรก็ตาม คาดสัปดาห์นี้ตลาดจะให้น้ำหนักกับการติดตามการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อย่างใกล้ชิด คาดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงระดับ 0.75% แต่แนะนำให้ติดตามมุมมองของ FED ที่มีแต่ทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐในระยะต่อไป ซึ่งเราคาดว่ามีแนวโน้มที่อาจผ่อนคลายการคุมเข้มทางนโยบายทางการเงินลงมาได้บ้าง จากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยแบบจําลอง GDPNow ของ FED สาขาแอตแลนตา บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว 1.6% ใน Q2/65 ขณะที่แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐมีโอกาสเห็นจุดพีคไปแล้ว ในช่วงเดือน มิ.ย. จากราคาพลังงานในเดือน ก.ค. เริ่มอ่อนตัวลงแล้วบ้าง คาดอาจส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปได้บ้าง สอดคล้องกับ CME FED Watch Tools ล่าสุดบ่งชี้ดอกเบี้ยสหรัฐในช่วงปลายปีจะอยู่ที่ระดับ 3.50-3.75% และอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวในช่วงปีหน้า สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุด ของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว คาดจะส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะถัดไป

ขณะที่ Dollar Index ยังอยู่ในภาพการชะลอกำลังลง คาดจะช่วยลดแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของค่าเงินในภูมิภาครวมถึงค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐได้บ้าง หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.50% คาดจะหนุนทิศทางค่าเงินยูโรปรับตัวแข็งค่าขึ้น กดดันทิศทาง Dollar Index อ่อนตัวลงได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลดลงต่อ ปิดที่ระดับ 94.70 ดอลลาร์/บาร์เรล –1.65 ดอลลาร์ หรือ -1.71% โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปสงค์ที่มีแนวโน้มอ่อนแอลง ตามแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอย รวมทั้งการรายงานตัวเลข PMI ภาพรวมข้างต้นออกมาอ่อนแอ คาดจะกดดันทิศทางราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงถ่วงตลาดได้ต่อ แต่ยังมองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ในแง่ทิศทางราคาต้นทุนจากก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวลดลง

สําหรับปัจจัยในประเทศ คาดปริมาณการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยอาจเบาบางลงไปบ้าง จากการที่สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการในวันที่ 28-29 ก.ค. ซึ่งเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการประชุม FOMC ของ FED รวมถึงการเปิดเผยตัวเลข GDP 2065 ของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ ธปท. ออกมาแสดงความคิดเห็น คาดเศรษฐกิจไทย 2Q65 มีโอกาสปรับตัวขึ้นทะลุ 3.0% ขณะที่คาดการณ์ GDP ทั้งปี’ 65 จะอยู่ที่ระดับ 3.3% ขณะที่ปี’ 66 คาดจะปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.2% โดยเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชัดเจนขึ้นจากการบริโภคภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยว หลังภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆ แต่ยังมีความกังวลในด้านอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งคาดว่า ธปท. จะต้องเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเดือน ส.ค. นี้ มองเป็นปัจจัยบวกช่วงประคองทิศทางตลาดได้บ้าง รวมถึงเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) ที่คาดอาจเห็นแรงซื้อกลับหลังการประกาศผลประกอบการส่วนใหญ่ออกมาใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ อีกทั้งเราคาดว่าอาจเห็นแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD และ TIDLOR) ได้บ้าง จากคาดการณ์การรายงานผลประกอบการ 2Q65 อาจออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY หลังความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวขึ้นจากการที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้ง รวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับสูง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “SAWAD”

กลยุทธ์ เล่นรีบาวด์ แนวรับ 49.00 / 48.00 Target 51.50 / 53.50 Stop <47.75

- Advertisement -