แกว่งพักฐานรอปัจจัยใหม่ๆ

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวกเล็กน้อย 0.28% ในภาพรวมมิได้มีข่าวสารอะไรใหม่ๆ เป็นเพียงแรงซื้อกลับเข้ามาทั่วไป ปัจจัยหลักๆ นักลงทุนยังคงรอคอยการประชุม FED ที่จะทราบผลทางการในช่วงพฤหัสบดีกลางคืนตามเวลาประเทศไทย (1.00 น.) ด้านราคาน้ามันดิบ BRT ปรับขึ้น 1.9% ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ

Market Outlook

วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งออกข้างในกรอบ 1552 – 1567 ภาพรวมไร้ปัจจัยใหม่ ขณะที่เช้านี้ตลาดหุ้น Nikkei ก็เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ในอีกด้านตลาดหุ้นไทยก็จะเริ่มเข้าสู่วันหยุดยาวเป็นปัจจัยทำให้บรรยากาศการลงทุนจะเริ่มซึมตัว (ปิดทำการวันพฤหัส – ศุกร์) สำหรับปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ Bloomberg คาดที่ 97.3 ทั้งนี้ยังประเมินว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงค่อยๆ ฟื้นตัว หนุนจากการผ่อนคลายภาวะเงินเฟ้อที่เชื่อว่าผ่านจุดสูงสุดแล้วในช่วงเดือน มิ.ย. โดยคาดว่าการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนหน้า (เดือน ส.ค. รายงานของเดือน ก.ค.) มีแนวโน้มที่จะเห็นการลดลง MoM และทำให้ตลาดจะผ่อนคลายมากขึ้นกับภาวะดอกเบี้ย ซึ่งปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่าสิ้นเดือนนี้ FED จะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และหลังจากนั้นมีแนวโน้มจะขึ้นในอัตราที่น้อยลง เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น ขณะเดียวกันตลาดหุ้นสหรัฐหรือแม้กระทั่งไทยต่างก็ปรับฐานลงมาค่อนข้างเยอะ นับว่าสะท้อนปัจจัยลบไปค่อนข้างเยอะแล้ว ด้าน Valuation ก็น่าสนใจด้วยการลงมาซื้อ ขายที่ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีของ Earnings Yield Gap ในเชิงกลยุทธ์การลงทุน สามารถถือหุ้นได้สำหรับเล่นรอบการฟื้นตัวระยะกลาง มองแนวต้าน 1620 – 1640 โดยกลุ่มที่แนะนำ ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KKP SCB TTB) ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME HMPRO) กลุ่ม Anti Commodity (SCGP SCC TASCO TOA) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT ERW CENTEL MINT SPA) อสังหาฯ (LH ORI)

Pi Stock Picks

KKP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 84.00 บาท)

เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2022-24 ขึ้น 7%/8%/7% ตามลำดับ เพื่อสะสมสมติฐานการเติบโตของสินเชื่อและการตั้งสำรองหนี้ฯ ที่ลดลง ด้วยเหตุนี้จึงคาดว่ากำไรสุทธิจะโตขึ้น 23% ในปี 2022 12% ในปี 2023 และ 11% ในปี 2024

MINT (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 41.00 บาท)

คาดบริษัทรายงานกำไรปกติได้ครั้งแรกที่ 1.0 พันล้านบาทใน 2Q22 นับตั้งแต่โควิด-19 เริ่มระบาด เทียบกับขาดทุน 3.8 พันล้านบาทใน 1Q22 ทั้งนี้ได้แรงหนุนมาจากช่วง high season ของธุรกิจโรงแรมในยุโรป นำโดยพอร์ต NH Hotel ที่คาดว่าอัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพักต่อคืน (RevPar) จะฟื้นตัวสู่ระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19

- Advertisement -