สรุปภาวะตลาด

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหว sideway up จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร จากงบที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มการเงิน นักลงทุนติดตามการการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 26-27 ก.ค. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,560.31 จุด +7.58 จุด +0.49% มูลค่าการซื้อขาย 57,748 ลบ. ต่างชาติ +1,494.91 ลบ. TFEX +25,300 สัญญา ตราสารหนี้ +196.23 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 90.75 จุด +0.28% ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงอัลฟาเบท และไมโครซอฟท์

+ สัญญาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ +2.1% ปิดที่ 96.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ การฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐ และการคาดการณ์เกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันตึงตัว ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดเช่นกัน

+ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐแสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะสามารถรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อได้ และยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย เป็นวงกว้าง

+ นายยูริ วาสคอฟ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน กล่าวว่า ยูเครนจะเริ่มส่งออกธัญพืช และผลิตภัณฑ์ด้านอาหารในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) แม้รัสเซียโจมตีท่าเรือโอเดสซาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ ก๊าซพรอม ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย เปิดเผยว่าจะปิดกังหันสูบก๊าซอีก 1 ชุดในท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1 เพื่อทำการซ่อมบำรุง ซึ่งจะทำให้รัสเซียต้องลดปริมาณการส่งก๊าซไปยังยุโรปผ่านท่อส่งดังกล่าว

+/- ศบค.รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ (รักษาตัวใน รพ.) เพิ่มอีก 1,828 ราย เสียชีวิต 35 คน หาย ป่วยกลับบ้านเพิ่ม 2,173 ราย

ปัจจัยลบ –

– หนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมา รายงานว่า รัฐบาลทหารของเมียนมาได้สั่งประหารชีวิตอดีตนักการเมืองผู้สนับสนุนประชาธิปไตย และนักเคลื่อนไหวรวม 4 ราย โดยเป็นการใช้โทษประหารชีวิตครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี

– FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 77.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 22.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.00%

– เยอรมนีรายงานดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนก.ค. แตะ 88.6 ต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยปรับตัวลงจากระดับ 92.2 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงแบบไม่คาดหมายเช่นเดียวกัน

– ส.อ.ท.เล็งลดเป้าผลิตรถยนต์ปี 65 เหลือ 1.7 ล้านคัน รับผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน กดเป้าหมายผลิต เพื่อส่งออก 1 ล้านคัน วืด สวนทางเป้าผลิตเพื่อขายในประเทศ 8 แสนคัน จ่อสูงขึ้น ด้านบีอีวีป้ายแดง มิ.ย. สร้างสถิติสูงสุด อานิสงส์แพคเกจอีวี-ราคาน้ำมันพุ่ง

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังจับตาประชุมนโยบายการเงินเฟด ในวันที่ 26-27 ก.ค.นี้ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ให้น้ำหนักที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ Rebound ช่วยพยุงหุ้นกลุ่มพลังงาน กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,550-1,565 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • กนง.มีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งปีหลัง + หุ้นแบงก์ได้ประโยชน์จากธปท. เลิกเพดานจ่ายปันผลและทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น เราชอบแบงก์ใหญ่ KBANK BBL KTB TISCO
  • หุ้นเด่น IAA Consensus : BBL BEM CPN KBANK
  • ค่า Ft ขึ้นขณะที่ต้นทุนพลังงานปรับตัวลง : GPSC BGRIM GULF
  • กังวลโควิด-19 ระลอกใหม่ + สธ. เตรียมยกระดับฝีดาษลิง โรคติดต่อร้ายแรง : BH BDMS CHG BCH PRINC WPH PR9

หุ้นรายงานพิเศษ

STP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 21.30 บาท)

*บล.โกลเบล็กเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

  • ฝ่ายวิจัยคาดรายได้และกำไร 2Q65 จะทรงตัวที่ระดับใกล้เคียง 1Q65 ที่ 135-145 ลบ. และ 30-35 ลบ.ตามลำดับ เนื่องจากบริษัทมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ามากกว่ากำลังการผลิตที่ผลิตได้ ส่งผลให้มีการใช้โรงงานภายนอกในการผลิต (Outsource) ตั้งแต่ปี 64 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวใกล้เคียง 1Q65 ที่ 36.8-37.2%  เนื่องจากยังมีสต็อกวัตถุดิบราคาต่ำ โดยไตรมาส 3Q65 บริษัทจะติดตั้งเครื่องจักรใหม่ชุดแรกกำลังการผลิตราว 12.5 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี (กำลังการผลิตในปัจจุบัน 49.5 ล้านแผ่นพิมพ์ต่อปี) ซึ่งเร็วกว่าแผนเดิม 1 ไตรมาสส่งผลให้สามารถลดการใช้โรงงานภายนอกในการผลิตและช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น
  • ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปี 65 ลงสู่ 129 ลบ. เติบโต 4% จากปีก่อนหน้า แต่คงประมาณการรายได้ที่ 617 ลบ. เติบโต 10% โดยเราปรับลดสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปี 65 ลงจาก 37.3% เหลือ 36.3%  เนื่องจากต้นทุนค่าเยื่อกระดาษและเชื้อเพลิงปรับตัวขึ้นใน 2Q65 ราว 5.2% และ 9% ตามลำดับ อีกทั้งสต็อกวัตถุดิบใหม่ซึ่งมีราคาสูงจะเริ่มรับรู้ตั้งแต่ 3Q65 เป็นต้นไป ส่งผลให้อัตรากําไรขั้นต้นมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจาก 1H65
  • เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 21.30 บาท เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวลงหลัง IPO ราว 26% ทำให้ในปัจจุบันซื้อขายที่ P/E Ratio เพียง 10-11 เท่า ซึ่งต่ำกว่าในกลุ่ม Packaging ที่มี P/E Ratio 20 เท่า อีกทั้งมีโอกาสเติบโตจากการขยายโรงงาน เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

หุ้นมีข่าว

(+) COM7 (Bloomberg consensus 48.25 บาท) มีกระแสข่าวสนใจลงทุนธุรกิจประกันวินาศภัย ต่อยอดธุรกิจ ขณะที่บริษัทยอมรับเดินหน้าหาโมเดลธุรกิจใหม่ช่วยขยายการเติบโต รับสภาวะเงินเฟ้อกดกำลังซื้อ แต่ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% ขยายสาขา 100-150 แห่ง ชูไอทียังเป็นที่ต้องการของตลาด ด้านโบรกชี้กำไร Q2 โตสูง ครึ่งปีหลังมี MacBook รุ่นใหม่ iPhone 14 วางขาย (ที่มา ทันหุ้น)

(+) STARK (Bloomberg consensus 6.50 บาท) ซูปีหน้าโตก้าวกระโดดแตะ 8 หมื่นล้านบาท จากปีนี้คาด 3 หมื่นล้านบาท ได้ LEONI เสริมศักยภาพสายไฟอีวี ชูอีวี 1 คันใช้สายไฟ 2 หมื่นบาท ไม่รวมอุปกรณ์-สถานีชาร์จ เดินหน้าซินเนอร์ยี่ธุรกิจใหม่เก่า แย้มเดินหน้า M&A ต่อเนื่องมองดีลเยอรมนี (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BANPU (Bloomberg consensus 16.00 บาท) วางเกม “บ้านปู เน็กซ์” ลุยอีวีเต็มสูบ ตั้งโรงแบตกำลังผลิตสู่ 1 GWh รองรับ e-Bus เชิดชัย พร้อมรถโดยสารในเครือบ้านปู เริ่มส่งมอบปี 2566 พร้อมขยายฐานลูกค้าเอเชีย-แปซิฟิก เดินหน้า e-Mobility วางแพลตฟอร์มบริการครบ ตั้งสถานีชาร์จร่วมกับอีโวลต์ เป็น 5,000 จุด ครอบคลุมทั่วไทย ดัน e-Boat และ e-Ferry 100 ลำ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) LEO (Bloomberg consensus 21.10 บาท) ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 2/2565 ทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 ชี้ครึ่งปีหลังวอลุ่มขนส่งแน่น ไฮซีซันหนุน ส่งซิกมีลุ้นรายได้โตทะลุเป้าหมาย 30-35% ทุ่มงบ 400-500 ล้านบาท ลุยขยายคลังเก็บสินค้า และทำดีล M&A-JV พร้อมกางแผนต่อยอด Non-Logistics ลุยแตกไลน์ธุรกิจกัญชง-กัญชา (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 29 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
  • 10 ส.ค. ประชุมกนง. ครั้งที่ 4/65

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 26 ก.ค. สหรัฐ รายงานราคาบ้านเดือนพ.ค.จาก เอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ ยอดขายบ้านใหม่เดือน มิ.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค.จาก Conference Board
  • 26–27 ก.ค. การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED)
  • 27 ก.ค.จีนรายงานกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน มิ.ย.

สหรัฐ รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนมิ.ย. สต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) (เช้าวันที่ 28 ก.ค.) คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย

  • 3 ส.ค. โอเปกพลัสประชุมกำหนดนโยบายการผลิต
- Advertisement -