ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ไซด์เวย์/บวกต่อกรอบแคบๆ
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร ไซด์เวย์/บวกต่อกรอบแคบๆ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้น (ตามคาด) ตามแรงซื้อต่อเนื่องในหุ้นธนาคารใหญ่ๆ ขณะที่หุ้นกลุ่มหลักอื่นๆ ยังคงทรงตัว… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมเป็นกลางๆ กล่าวคือนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงรอดูสถานการณ์เพื่อติดตามประเด็นสำคัญในฝั่งสหรัฐฯ ได้แก่ผลประชุม US FOMC ในคืนวันที่ 27 ก.ค. รวมทั้งตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2565 ที่จะออกมาในวันที่ 28 ก.ค. ทั้งนี้สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ยังคงให้น้ำหนักกว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ 2.50% ในการประชุมวันดังกล่าว ส่วนในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. เฟดน่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยช้าลง (ตลาดคาดจะขึ้น 0.50%)… มุมมองดังกล่าว ผนวกกับตัวเลขเศรษฐกิจ สหรัฐฯ ที่ชะลอตัว ส่งผลให้ค่าเงินดอลล่าร์ฯ อ่อนตัวต่อและยังช่วยประคองจิตวิทยารวมทั้งฟันด์โฟลว์ของตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทยในระยะนี้ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรามองว่ายังมีช่วงฟื้นตัวได้บ้างก่อนเข้าสู่วันหยุดยาว SET Index
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร KBANK*, PTG*, ILM
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 142 บาท / แนวต้าน 144 – 147.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 152 บาท (Stop loss 138 บาท) 2) ประเมินการฟื้นตัวของราคาหุ้น KABNK* Laggard กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ขณะที่มี Catalyst บวกรออยู่ อาทิ i) การขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ii) การเตรียมรับรู้กำไรจากการร่วม JV บริหารหนี้เสียกับทาง JMT iii) Growth story ใหม่ๆ จากการร่วมทุนธุรกิจร้านค้าปลีกกับ CBG … คาดหวังแรงซื้อคืนเพื่อปิดสถานะชอร์ต 3) Valuation ไม่แพง PBV 0.69 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 14.3 บาท / แนวต้าน 14.8 บาท กรณี Break ผ่าน กรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 15.2 บาท (Trailing stop 14.0 บาท) 2) ประเมินราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มพักฐานต่อเนื่อง ลดแรงกดดันเรื่องค่าการตลาดน้ำมัน และเป็นบวกต่อ Sentiment ฝังอุปสงค์การใช้น้ำมันในประเทศ 3) ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 385 ล้านบาท (+140% QoQ) ฟื้นตัวทั้งจากปริมาณขายน้ำมัน (ผลจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ) และค่าการตลาดที่ฟื้นตัว และคาดผลการดำเนินงาน 2H65 จะดีขึ้น HoH 4) Forward PE 15.4 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
- ILM (เป้า SAA Consensus 21.45 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 16.9 บาท / แนวต้าน 17.4 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทอบแนวต้านถัดไป 18.2 บาท (Trailing stop 16.3 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวตามยอดขายบ้านในปีนี้ที่ฟื้นตัว การกลับมาเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจคาดหนุน Demand การ Renovate และการท่องเที่ยวฟื้นตัวหนุนธุรกิจ Community mall 3) คาดผลการดำเนินงาน 2Q65 อัตรากำไรฟื้นตัวหลังมีการลดราคาล้างสต๊อกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ทาง COM7* เข้ามาบริหารพื้นที่ขายสินค้า 4) ราคาหุ้นพักฐานแรงจูน Valuation กลับมาถูก Forward PE ปี 2565 ต่ำเพียง 15.6 เท่า ขณะที่ Consensus คาดกำไรปีนี้โต +24% YoY
หุ้นมีข่าว
(-) สอท.มั่น! ส่งออกรถยนต์ร่วง (ไทยโพสต์) มิ.ย.หดตัว 11% เล็งปรับเป้าผลิตเหลือ 1.7 ล.คัน ส.อ.ท.โชว์ ยอดผลิตรถยนต์ มิ.ย.ยังโต ภาพรวม 6 เดือนขยายตัว 3% ปลื้มยอดขายรถในประเทศกระเตื้อง สวนทาง ยอดส่งออกลดลงถึง 11% พบปัจจัยลบกระทบเทียบ เล็งลดเป้าหมายการผลิตปีนี้ลงเหลือ 1.7 ล้านคัน
(+) MINT* ลุยลงทุน 2.6 หมื่นล้าน หนุนพื้นก้าวกระโดด-กำไรปีนี้ (กรุงเทพธุรกิจ) “ไมเนอร์ อินเตอร์ฯ” ยักษ์ใหญ่วงการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ตั้งเป้าเทิร์นอะราวด์ พลิกทำกำไรปีนี้ รับดีมานด์นักท่องเที่ยวดีด กลับ หลังวิกฤติโควิด-19 ฉุดขาดทุนอ่วม 2 ปี มุ่งสร้างรากฐานแข็งแกร่ง ฟื้นตัวแบบก้าวกระโดด ลุยเพิ่มโรงแรมใหม่ 60 แห่งใน 5 ปี เน้นรับบริหารเป็นหลัก ปิดความเสี่ยงการใช้เงินลงทุนสูงช่วงโควิดยังไม่หายขาด เสริมพอร์ตโรงแรมทั่วโลกกว่า 527 แห่ง ตั้งการ์ดลดผลกระทบ “เงินเฟ้อ” ยึดแนวทาง “ไม่ชะล่าใจ” บริหารต้นทุนวัตถุดิบร้านอาหารเข้ม
(+) COM7* จะฮุบประกัน ลุ้นกระแสไอโฟน 14 (ทันหุ้น) COM7* มีกระแสข่าวสนใจลงทุนธุรกิจประกัน วินาศภัยต่อยอดธุรกิจ ขณะที่บริษัทยอมรับเดินหน้าหาโมเดลธุรกิจใหม่ช่วยขยายการเติบโต รับสภาวะเงินเฟ้อกดกำลังซื้อ แต่ยังคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20% ขยายสาขา 100-150 แห่ง ชูไอทียังเป็นที่ต้องการของตลาด ด้านโบรกชี้กำไร Q2 โตสูง ครึ่งปีหลังมี MacBook รุ่นใหม่ iPhone 14 วางขาย
(+) SNNP ส่งซิก Q2 โตนิวไฮ รายได้ปีนี้ทะลุ 5 พันล้าน (ข่าวหุ้น) “ศรีนานาพรฯ” ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 2/65 เติบโตทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 จ่อแจ้งงบ 8 ส.ค.นี้ คาดหนุนรายได้ครึ่งปีแรกพุ่ง 20-25% ส่วนทิศทางครึ่งปีหลังโตไม่หยุด มั่นใจปีนี้มีลุ้นรายได้โตทะลุเป้า 5,000 ล้านบาท
(+) LEO เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้ อานิสงส์โลจิสติกส์พุ่ง (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ เล็งปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มอีก หลังดีมานด์ธุรกิจโลจิสติกส์พุ่ง เตรียมสรุปผลดีลการร่วมทุนพันธมิตรปีนี้ 1 ดีล พร้อมเตรียมงบลงทุนดีลร่วมทุนตั้งบริษัท และควบรวมกิจการเกือบ 500 ล้านบาท เดินหน้าจับมือวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยที่อุทัยธานีเพาะพันธุ์ต้นกล้ากัญชา ต่อยอดธุรกิจ Non-logistics ดันผลงานอนาคตเติบโตตามแผน
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนวรับ 26.5 บาท / แนวต้าน 27.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 26 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 17.6 บาท / แนวต้าน 18.2 – 18.5 บาท (Trailing stop 16.9 บาท)
- IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.5 – 19.0 บาท (Stop loss 17.2 บาท)
- SNNP (เป้า Consensus 19.85 บาท) แนวรับ 15.3 บาท / แนวต้าน 15.9 – 16.5 บาท (Stop loss 14.6 บาท)
- NEX (เป้า Consensus 22.8 บาท) แนวรับ 15.7 บาท / แนวต้าน 16.5 – 17.0 บาท (Stop loss 15.5 บาท)
- COM7* (เป้าพื้นฐาน 52 บาท) แนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 32 – 33 บาท (Stop loss 28.5 บาท)
- BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 37.5 บาท / แนวต้าน 40 – 41 บาท (Stop loss 36.75 บาท)
- HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.1 บาท / แนวต้าน 13.5 – 13.8 บาท (Stop loss 12.8 บาท)
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 19.8 บาท / แนวต้าน 20.4 – 20.6 บาท (Stop loss 19.8
- MAKRO (เป้าพื้นฐาน 44 บาท) แนวรับ 34 บาท / แนวต้าน 36 – 37 บาท (Stop loss 34 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- PLANB* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 7.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 138 ล้านบาท (Turnaround YoY, +32% QoQ) ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินการฟื้นตัวของสื่อโฆษณาอาจต่ำกว่าคาด เนื่องจากสถานการณ์เงินเฟ้อที่กดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค ฝ่ายวิจัยฯ จึงปรับประมาณการฯ ลงสะท้อนประเด็นนี้ และได้ราคาเป้าหมายใหม่ 7.3 บาท (เดิม 10 บาท) ราคาหุ้นยังมี Upside +17% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
- BPP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 15.8 บาท ฝ่ายวิจัยฯประเมินราคา Valuation ปัจจุบันที่ PBV ต่ำ เพียง 0.9 เท่า (-2 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) สะท้อนปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่อง ของ ESG (ประเด็นการใช้ถ่านหิน) ไปพอสมควรแล้ว แต่เนื่องจากยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ ที่จะเป็น Catalyst บวกต่อราคาหุ้น จึงคงคำแนะนำ “ถือ”