บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
บริษัท ตะวันออกพาณิชย์ลิสซิ่ง จํากัด (มหาชน) มีพันธมิตร … ไม่หวั่นขึ้นดอกเบี้ย
สรุปประเด็นสําคัญ และข่าวล่าสุด
- ดอกเบี้ยขาขึ้นไม่กระทบ NIM แต่กลับลุ้นดีขึ้นจากเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ จากพันธมิตรผู้ถือหุ้นสัญชาติญี่ปุ่น
- ปี 2565 กลับมาเปิดเกมรุกขยายสินเชื่อ ทั้งรถมือสอง ธุรกิจใหม่รถแลกเงิน และรถอีวีเพื่อการพาณิชย์
- ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.4 บาท (อิง PBV 1.8 เท่า +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ยในอดีต)
ดอกเบี้ยขาขึ้น แต่ NIM ยังแข็งแกร่ง
ราคาหุ้นกลุ่มเช่าซื้อปรับตัวลง สะท้อนความกังวลแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของประเทศไทยที่จะเริ่มกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้งใน 3Q65 ซึ่งจากข้อมูลส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) ของ ECL ในอดีต แม้จะมีการปรับตัวในทิศทางใกล้เคียงกับ ภาพรวมอุตสาหกรรมฯ แต่มีระดับความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ต่ำ นอกจากนี้เราประเมินปัจจัยพื้นฐานของหุ้น ECL ตั้งแต่ปีนี้จะแตกต่างจากหุ้นกลุ่มเช่าซื้อตัวอื่นๆ ได้แก่ i) โครงสร้างเงินทุนของ ECL ที่มีการกระจายแหล่งเงินทุนการกู้ยืมหลากหลาย โดยเฉพาะแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำจากสถาบันการเงินประเทศญี่ปุ่น (Sumitomo Mitsui Banking Corporation: SMBC) ผ่านการค้ำประกัน โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ECL โดยล่าสุด ECL ทำการกู้ยืมวงเงิน 600 ล้านบาทจาก SMBC ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเพียง 1.65% ต่อปี และจ่ายอัตราค่าค้ำประกันฯ 0.95% ต่อปี รวมต้นทุนต่ำเพียง 2.6% ต่อปี และ ii) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถมือสองของ ECL ที่เฉลี่ยราว 11.1% ใน 1Q65 ซึ่งยังต่ำกว่าเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่หน่วยงานภาครัฐฯควบคุมในปัจจุบันอีกมาก ทำให้ ECL สามารถปรับอัตราดอกเบี้ยสินเชื้อเช่าซื้อขึ้น ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ ต่างจากผู้ประกอบการเช่าซื้อรายอื่นที่ส่วนใหญ่อัตราดอกเบี้ยใกล้ชนเพดานฯ หรือชนเพดานฯ แล้ว
Demand รถมือสอง แรงยังดีไม่มีแผ่ว
ต้นปี 2565 ดัชนีราคารถยนต์มือสองพุ่งขึ้นสูงที่สุดในรอบเกือบ 9 ปี โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมือสองที่เป็นกลุ่มฐานลูกค้าหลักของ ECL และล่าสุดดัชนีราคายังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง คาดเป็นผลจากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ และเปิดการท่องเที่ยว ทำให้มีความต้องการซื้อรถเพื่อการใช้เดินทาง แต่เกิดปัญหาห่วงโซ่อุปทานในสายการผลิตรถยนต์ใหม่ ที่ไม่สามารถผลิตและส่งมอบได้ตามเป้าหมาย และด้วยราคารถยนต์มือสองที่ไม่สูงมาก ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะซื้อรถยนต์มือสองเพื่อการใช้งานแทน ส่งผลบวกต่อ ECL ทั้งในด้านของอุปสงค์การขอสินเชื่อ ด้านมูลค่าการปล่อยสินเชื่อต่อคันเพิ่มขึ้น และด้านหลักประกันกรณีที่รถยนต์ถูกยึด หากแนวโน้มราคารถยนต์มือสองยังทรงตัวสูงต่อเนื่อง
ปรับประมาณการฯ ขึ้น ปีหน้ามี Upside จากฐานทุนที่จะใหญ่ขึ้น
จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และคาด ECL จะเร่งเปิดเกมรุกขยายพอร์ตสินเชื่อรถยนต์ในปีนี้อีกราว +2 พันล้านบาท (ปี 2564 ปล่อยสินเชื่อใหม่ราว +1.4 พันล้านบาท) ผลจากวิกฤตโควิด-19 ทำให้ ECL ได้ทำการเคลียร์พอร์ตสินเชื่อ และบริหารจัดการเน้นไปที่ด้านการคัดกรองคุณภาพสินทรัพย์ เพื่อกดยอด NPL ลง ทำให้พอร์ตสินเชื่อปัจจุบันเป็นพอร์ตสินเชื่อที่มีคุณภาพดี และพร้อมที่จะเปิดเกมรุกเพื่อขยายพอร์ตสินเชื่ออีกครั้งในปี 2565 – 66 โดยเฉพาะในปี 2566 ที่เราคาดว่า ECL จะได้เงินเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิ ECL-W4 มูลค่ารวม 739 ล้านบาทใน 3Q66 ซึ่งจะทำให้โครงสร้างเงินทุนของ ECL แข็งแกร่งขึ้น DE ratio ลดลงจาก +2 เท่าในปีนี้ เป็น 1.5 เท่าในปี 2566 เราปรับประมาณการฯปี 2565 – 66 ขึ้น +23% และ +25% เป็น 204 ล้านบาท และ 232 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้คาดผลการดำเนินงาน 2Q65 จะทรงตัว QoQ ในระดับ +50 ล้านบาท (เติบโต +50% YoY)
Upside ต่อประมาณการฯ i) กรณีที่ธุรกิจใหม่ (รถแลกเงิน โบรกเกอร์ประกันฯ สินเชื่อรถอีวีเพื่อการพาณิชย์) ทำผลการดำเนินงานได้ดีกว่าที่คาด และ ii) การติดตามทวงถามหนี้ค้างชำระ และการเตรียมที่จะจำหน่ายหนี้เสียให้บริษัท AMC ในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีโอกาสบันทึกกำไรพิเศษจากการขายฯ
แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเท่ากับ 3.4 บาท/หุ้น
แม้เราจะปรับประมาณการฯขึ้น แต่เนื่องจากผลของ Dilution effect ที่คาดจะเกิดขึ้นจากการใช้สิทธิ ECL-W4 (เราสมมติฐานใช้สิทธิทั้งหมดใน 3Q66) ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้น และ ROE ลดลงจากเดิมที่คาดไว้ เราจึงปรับลดเป้าหมาย PBV ลงเป็น 1.8 เท่า อิง +1.0 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต (เดิม 2.0 เท่า ถึง +1.5 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต) ได้ราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 3.4 บาท (เดิมเป้าหมายปี 2565 เท่ากับ 3.5 บาท)