บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY

TP upside (downside) +34.4%

Close Jul 27, 2022 Price (THB) 18.00

12M Target (THB) 24.20

What’s new?

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q65 อยู่ที่ 513 ล้านบาท (-7% QoQ, +108% YoY) ชะลอตัว QoQ จากกำไรพิเศษของการขายโรงงานที่ลดลงอย่างมีนัยยะ ขณะที่ YoY คาดยังเติบโตจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว มีการลงทุน และมีการเพิ่มกำลังการผลิต
  • ปี 2565 คาดผลประกอบการ 1,683 ล้านบาท +20% YoY จากมาตรการส่งเสริมการลงทุน การย้ายฐานการผลิตมายังไทยและเวียดนาม และการเพิ่มกำลังการผลิต EV ในประเทศ

Our view

  • เรามองว่าผลประกอบการของ AMATA จะฟื้นตัว ใน 2H65 จากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เริ่มชัดเจนขึ้น และการเพิ่มฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ
  • เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” AMATA มูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2565 ที่ 24.20 บาท ด้วยวิธี SOTP และมองว่าราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว

AMATA CORPORATION (AMATA) 2Q65 คาดชะลอตัว QoQ โต YoY

คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ชะลอตัว QoQ ฟื้นตัว YoY

เราประเมินผลประกอบการใน 2Q65 ที่ 513 ล้านบาท (-7% QoQ, +108% YoY) คาด QoQ ผลประกอบการจะหดตัวจาก

1) การรับรู้กำไรพิเศษจากการขายโรงงานสำเร็จรูปให้เช่าในนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนาม (RBF) ลดลง โดยยอดขายใน 2Q65 อยู่ที่ 8 หลัง คาดมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 470 ล้านบาท ลดลง -34% QoQ จากช่วง 1Q65 ที่ขายได้ 10 หลัง

และ 2) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่ลดลงจากกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ที่คาดจะทรงตัว QoQ อยู่ที่ประมาณ 84 ล้านบาท ถึงแม้ค่า Ft จะมีการปรับเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยส่งต่อราคาต้นทุนในช่วง พ.ค. – ส.ค. 65 แต่ต้นทุนก๊าซก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึงมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดขายที่ดินปรับขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 132 ไร่ (ไทย 87 ไร่ และเวียดนาม 44.6 ไร่) จาก 10 ไร่ ใน 1Q65 โดย 6M65 คิดเป็น 14% ของเป้าขายที่ดินทั้งปีของบริษัท และยอดโอนที่ดินเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 130 ไร่ จาก 70 ไร่ ใน 1Q65 ขณะที่เทียบ YoY จะยังฟื้นตัวได้ดี จากแรงหนุนการลงทุนในประเทศที่เพิ่มขึ้นทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาใกล้เคียงปกติ ธุรกิจมีการเพิ่มกำลังการผลิต ด้าน GPM คาดที่ 51.5 % เพิ่มขึ้นจาก 50.1% ใน 1Q65 จากการประเมินประสิทธิภาพในการทำกำไรของธุรกิจนิคมที่จะทำได้ดีขึ้นเพราะมีการปรับขึ้นราคาของที่ดินในเวียดนาม ปัจจุบัน AMATA มียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 4,768 ล้านบาท ซึ่งจะเร่งทยอยโอนในช่วง 2H65 และต่อเนื่องในปี 2566

2H65 คาดผลประกอบการจะฟื้นตัว

ทาง AMATA ให้ข้อมูลว่ายังคงเป้ายอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 1 พันไร่ (ไทย 600 ไร่ และเวียดนาม 400 ไร่) ในช่วง 2H65 มีนัดเจรจากับลูกค้ารอเตรียมเซ็นสัญญาอยู่แล้ว ถึงแม้ 1H65 จะทำได้เพียง 14% ของเป้าขายที่ดินรวม ซึ่งเรามองว่าอาจจะมี downside จากเป้าขายที่ดินของบริษัทได้ หากเศรษฐกิจโดยรวมเกิดการชะลอตัว เราคงคาดกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 1,683 ล้านบาท +20% YoY หลังได้แรงหนุนจากกำไรพิเศษของการขายโรงงาน RBF รวม 18 หลังที่เวียดนามในช่วง 1H65 รวมถึงเรามองว่ายอดขายและโอนที่ดินจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วง 2H65 ทั้งใน ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม และต่อเนื่องไปยังธุรกิจสาธารณูปโภค โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มลูกค้า อุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจาก 1) ผลบวกจากการเปิดประเทศ 2) มาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล รวมถึงการตั้งเป้าการผลิต EV ออกมาตรการจูงใจให้ใช้ ส่งผลให้ความต้องการเพิ่มสูงขึ้น และ 3) พื้นที่ EEC มีการพัฒนาต่อเนื่อง เช่น ระบบโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางขนส่ง

คงคำแนะนำ “ซื้อ”

คาดผลประกอบการฟื้นตัวในปี 2565 เราคงมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 24.20 บาท ด้วยวิธี SOTP จาก 1) ธุรกิจนิคม อิง PE คิดเป็นมูลค่า 10.69 บาท/หุ้น 2) ธุรกิจสาธารณูปโภคและโรงงานให้เช่า อิงวิธี DCF ที่ 5.20 บาท/หุ้น และ 3) ธุรกิจพลังงานและอื่นๆ โดยการลงทุนผ่านบริษัทร่วมประเมินมูลค่า โดยอิงวิธี DCF คิดเป็นมูลค่าที่ 8.31 บาท/หุ้น ขณะที่ยังมี Upside ที่เรายังไม่รวมในประมาณการ 1) โครงการที่ สปป. ลาว ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีใหญ่ของรถไฟระหว่างประเทศลาว-จีน ในโครงการ BRT 2) โรงไฟฟ้าในบริษัทร่วมจะ COD ในปี 2566

*ความเสี่ยงสำคัญ : 1) มาตรการของรัฐบาลในการจัดการกับการระบาดของ COVID-19 2) ค่าครองชีพ/ ค่าแรงที่ปรับสูงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในการย้าย/ขยายฐานการผลิต 3) เสถียรภาพของกฎเกณ์ที่บัญญัติโดยภาครัฐ

- Advertisement -