บล.เอเซีย พลัส:

2Q65 คาดกำไรลดลง แต่จะฟื้นตัวใหม่ใน 3Q65

คาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 ลดลง 33.3%qoq มาอยู่ราว 77.1 ล้านบาท กดดันจากผลขาดทุน Fx ส่วนกำไรปกติคาดลดลงเล็กน้อย 1.2%qoq มาอยู่ราว 109.3 ล้านบาท กดดันจาก SG&A ที่คาดสูงขึ้น ขณะที่กำไรขั้นต้นเติบโตเล็กน้อย จากรายได้รวมที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณขายแป้งมัน และกาแฟออร์แกนิคได้มากขึ้น ถึงแม้ว่ารายได้จากธุรกิจเอทานอลจะลดลง จากปริมาณขายที่ลดลงตามการปิดซ่อมบำรุงก็ตาม ช่วงสั้น 3Q65 คาดกำไรปกติจะฟื้นตัวเล็กน้อย QoQ หนุนจากธุรกิจเอทานอลที่คาดผลประกอบการดีขึ้น แม้ยังถูกกดดันจากธุรกิจแป้งที่คาด margin ลดลงตามช่วงฤดูกาล ประเมิน FV ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 2.5 บาท/หุ้น อิง PER เฉลี่ยกลุ่มฯ ที่ 22.3 เท่า และ EPS ปี 65 ที่ 0.11 บาท ภาพรวมของกำไรในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ยังเห็นการเติบโตต่อเนื่อง จากการเน้นเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูง อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside กว่า 38% แนะนำทยอยซื้อสะสมลงทุนระยะยาว

คาดกำไรสุทธิและกำไรปกติอ่อนตัว QoQ

ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 จะปรับตัวลดลง 33.5%qoq มาอยู่ที่ 77.1 ล้านบาท กดดันหลักจากรายการพิเศษ Fx ที่คาดจะบันทึกกลับเป็นผลขาดทุน 32.2 ล้านบาท จากงวด 1Q65 ที่บันทึกเป็นกำไร 5.0 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติคาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย 1.2%qoq มาอยู่ราว 109.3 ล้านบาท กดดันจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะเพิ่มขึ้น 4.7%qoq มาอยู่ที่ 123.6 ล้านบาท ตามปริมาณขายแป้งมันสำปะหลังและการจำหน่ายกาแฟออร์แกนิคที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม คาดรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.8%qoq มาอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท หนุนหลักจากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังที่คาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 53.6%qoq มาอยู่ที่ 901.0 ล้านบาท จากปริมาณขายแป้งมันสำปะหลังทั่วไปที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศจีน ถึงแม้ว่าปริมาณขายแป้งฟลาวจะลดลงจากงวดก่อนหน้าก็ตาม โดยราคาขายแป้งเฉลี่ยคาดยังทรงตัวใกล้เคียงกับงวด 1Q65 อีกทั้งกลุ่มธุรกิจเกษตรอินทรีย์ คาดรายได้จะเติบโต 190.2%qoq มาอยู่ที่ 110.9 ล้านบาท หนุนหลักจากการจำหน่ายกาแฟออร์แกนิคได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่ธุรกิจเอทานอลคาดรายได้ปรับตัวลดลง 10.7%qoq มาอยู่ที่ 815.8 ล้านบาท กดดันจากปริมาณขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง ตามการเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงฤดูฝนในช่วงปลาย 2Q65 และการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานผลิตเอทานอลตามแผนเป็นเวลา 14 วัน ถึงแม้ว่าปริมาณขายเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นตามการแพร่ระบาดของ COVID-19 และราคาขายเอทานอลเฉลี่ยคาดจะปรับตัวสูงขึ้นตาม ราคาเอทานอลอ้างอิงในท้องตลาด แต่ไม่สามารถชดเชยเอาไว้ได้หมด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในงวดนี้คาดจะลดลงมาอยู่ราว 13.0% จาก 15.3% ในงวด 1Q65 สุทธิแล้ว คาดกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.2%qoq มาอยู่ที่ 237.6 ล้านบาท

นอกจากนี้คาดยังมีแรงหนุนบางส่วนจากต้นทุนทางการเงินที่คาดจะลดลงราว 11.3%qoq มาอยู่ที่ 13.2 ล้านบาท ตามจำนวนเงินต้นที่ลดลงจากทยอยชำระหนี้ของบริษัทฯ

โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 50.2% ของกำไรปกติทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

คงประมาณการกำไรปี 65 ช่วงสั้น 3Q65 คาดกําไรฟื้นตัว QoQ

คงประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 ไว้ที่ 438.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3%yoy หนุนหลักจากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังที่คาดรายได้จะเติบโตจากปริมาณขาย โดยรวมที่คาดจะเพิ่มขึ้น YoY รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่คาดจะปรับตัวสูงขึ้นตามสัดส่วนธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ที่มี margin สูงที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า

ในขณะที่ช่วงสั้น 3Q65 คาดกำไรปกติจะกลับมาฟื้นตัวได้บ้างเล็กน้อย QoQ หนุนหลักจากธุรกิจเอทานอลที่คาดปริมาณขายโดยรวมจะปรับเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางภายในประเทศ และการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น รวมถึงราคาขายเอทานอลที่คาดปรับตัวสูงขึ้น QoQ อีกทั้งยังไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานเอทานอลดังที่เคยเกิดขึ้นในงวดนี้ อย่างไรก็ตาม คาดยังมีแรงกดดันจากธุรกิจแป้งมันสำปะหลังที่คาดราคาขายโดยรวมเริ่มปรับตัวลดลง และคุณภาพวัตถุดิบมันสำปะหลังที่แย่ลงจากหัวมันที่อยู่ในช่วงนอกฤดูกาล กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจแป้งมันสำปะหลังคาดจะปรับตัวลดลง QoQ

ประเด็นความเสี่ยงที่สำคัญ

1) ความเสี่ยงด้านการขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงต้นทุนราคามันสําปะหลังที่มีความผันผวนตามอุปสงค์อุปทานของตลาด

2) ราคาขายเอทานอลอ้างอิงขึ้นอยู่กับราคากากน้ำตาลเป็นหลัก ขณะที่วัตถุดิบหลักของบริษัทใช้มันสำปะหลัง จึงอาจส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร หากราคาขายและต้นทุนไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

3) ความเสี่ยงในการพึ่งพิงลูกค้าน้อยรายในธุรกิจเอทานอล

4) ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาแป้งมันสำปะหลังที่เปลี่ยนแปลงตามราคาสินค้าทดแทน ได้แก่ แป้งข้าวโพด แป้งมันฝรั่ง

5) ความเสี่ยงด้านกฎหมาย การเงิน และผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19

UBE แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 1.80

ราคาเป้าหมาย (บาท) 2.50

Upside (%) 38.9

Dividend yield (%) 1.9

 

- Advertisement -