บล.เอเซีย พลัส:

คาดกําไรงวด 2Q65 แกร่ง โตทั้ง YoY และ QoQ

ประเมินกำไรงวด 2Q65 อยู่ที่ 751 ล้านบาท เติบโตแกร่งทั้ง 346.9%YoY และ 3.6%QoQ ขับเคลื่อนจากรายได้การให้บริการ และ Gross Margin ที่ทำได้ดีขึ้น ตามสมมติฐานรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เป็นผลจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออกและอินโดไชน่า (ลูกค้าหลักของ BH ที่คิดเป็นสัดส่วนราว 41% ของรายได้รวม) ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ จากงวด 1Q65 ที่ผ่านมา หากกำไรปกติงวด 2Q65 เป็นไปตามที่เราคาด จะทำให้มีสัดส่วนกำไร 1H65 อยู่ที่ 52.8% บวกกับแนวโน้มในงวด 3Q65 ที่จะดีต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ (ช่วง High Season ของกลุ่มรพ.) เราจึงปรับเพิ่มประมาณกำไรปี 2565-66 ขึ้น 16.2% และ 10.2% โดยมีมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2565 ที่ 215 บาท (DCF, WACC 6.8%) จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”

คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 751 ล้านบาท (+346.9%YOY, +3.6%QoQ)

ประเมินกำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 751 ล้านบาท (+346.9%YoY, +3.6%QoQ) แม้จะเป็นช่วง Low Season ของกลุ่มรพ. เนื่องจากอยู่ในช่วงเทศกาลรามฏอน (ช่วงถือศีลของชาวตะวันออกกลาง ซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าหลักของ BH) แต่กำไรยังคงเติบโต QoQ ได้ เนื่องจากรายได้การให้บริการที่คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.2 พันล้านบาท เติบโต 3.2%QoQ และคาดอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะสูงขึ้นเป็น 42% จากเดิม 41.6% ในงวด 1Q65 ที่ผ่านมา ขับเคลื่อนจากสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ (มาร์จิ้นสูงกว่าผู้ป่วยไทย) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 59.5% ของรายได้รวมในงวด 2Q65 จากเดิม 55.5% ในไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่น่าจะมาจากผู้ป่วยกลุ่ม Fly-in โดยเฉพาะลูกค้าจากกลุ่มตะวันออกกลาง (25% ของรายได้รวม) และลูกค้ากลุ่มอินโดไชน่า (16% ของรายได้รวม) อาทิ พม่า, บังกลาเทศ และกัมพูชา ตามยอดนักท่องเที่ยวเฉลี่ยในช่วง เม.ย. 65 – พ.ค. 65 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่า นักท่องเที่ยวจากกลุ่มตะวันออกกลาง และกลุ่มอินโดไชน่า ฟื้นตัวกลับมาสูงถึงอัตรา 46.5% และ 23.3% ของช่วงภาวะปกติ (ปี 2562) ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนนักท่องเที่ยวในงวด 1Q65 อยู่ที่ 18.4% และ 5.2%

ส่วนการเติบโต YoY แรงส่วนหนึ่งมาจากฐานกำไรที่ต่ำในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจาก รายได้การให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้น 42.1%YoY จนมาอยู่ที่ 4.2 พันล้านบาท นำโดยรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ (คาด 59.5% ของรายได้รวม 2Q65) เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนสูงขึ้นเป็น 2.5 พันล้านบาท (+83.5%YoY) ขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยไทย (ประเมิน 40.5% ของรายได้รวม 2Q65) อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 6.8%YoY และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ทำได้ดีขึ้นเป็น 42% จากเดิม 36.1% ในงวด 2Q64 ตามสัดส่วนรายได้ของชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

ปรับเพิ่มกำไรปี 2565-66 ขึ้น 16.2% และ 10.2%

หากกำไรปกติงวด 2Q65 เป็นไปตามฝ่ายวิจัยคาดการณ์ จะทำให้กำไรปกติโดยรวมในช่วง 1H65 มีสัดส่วนราว 52.8% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 และยังมีแนวโน้มจะเติบโตต่อได้ทั้ง YoY และ QoQ ในงวด 3Q65 (ช่วง High Season ของกลุ่มรพ.) ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 เพิ่มขึ้นจากเดิมราว 16.2% และ 10.2% ตามลำดับ เป็น 3.3 พันล้านบาท (+167.4%YoY) และ 4.1 พันล้านบาท (+26.3%YoY) เติบโตเฉลี่ยปีละ 83.8% โดยสมมติฐานหลักที่เปลี่ยนแปลงคือ

1) ปรับรายได้ปี 2565 เพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมราว 15% เป็น 1.6 หมื่นล้านบาท (+29.1%YoY) และปรับเพิ่มขึ้น 8.7% สำหรับปี 2566 เป็น 1.9 หมื่นล้านบาท (+18.8%YoY) มาจากปรับสัดส่วนรายได้ต่างชาติขึ้น 1% และ 3% เป็น 64% และ 68% ของรายได้รวม ในปี 2565-66 จากจำนวนเคสที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 32% เป็น 537,200 เคส และ 664,640 เคส ในปี 2565-66 ตามลำดับ หรือเทียบกับปี 2562 แล้ว คิดเป็นสัดส่วนราว 85% และ 102%

2) ปรับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ขึ้นเล็กน้อย จากเดิม 43.3% ในปี 2565 และ 44.7% ในปี 2566 เป็น 43.4% และ 44.8% ในปี 2565-66 ตามลำดับ สะท้อนจากมาร์จิ้นที่โตตามสัดส่วนรายได้ของผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

3) ปรับลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A/Sale) ลงเป็น 19.9% ในปี 2565 และ 19.5% ในปี 2566 จากเดิม 20.4% และ 20% ตามลำดับ สะท้อนการควบคุมต้นทุนแพทย์/พยาบาลที่ดีขึ้น (ช่วง 1H65 มีสัดส่วน 21%)

คงคําแนะนํา “ซื้อ” ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ที่ 215 บาท

ภายใต้ประมาณการใหม่ มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 215 บาท (DCF, WACC 6.8%) จากเดิม 190 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” BH เนื่องจาก 1) เป็นรพ. เดียว ในกลุ่มที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ที่กำไรในงวด 2Q65 เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ 2) แนวโน้มกำไร 2H65 จะเติบโตได้ดีกว่า 1H65 หลังยกเลิกระบบ Thailand Pass คาดหนุนผู้ป่วยชาวต่างชาติกลับมาได้เร็วขึ้น 3) แนวโน้มกำไรในปี 2565-66 ยังคงเติบโตแรงถึงเฉลี่ยปีละ 83.8% และ 4) Upside ที่ยังไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ จากผู้ป่วยซาอุดิอาระเบีย หลังจากการฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตที่หายไปในรอบ 30 ปี ที่เริ่มเห็นพัฒนาการอย่างชัดเจน สะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศซาอุฯ ในเดือน พ.ค. 65 ที่เข้ามาสูงกว่าปี 2562 (ก่อนเกิดวิกฤต COVID)

ประเด็นความเสี่ยง

1.สภาวะทางเศรษฐกิจในประเทศของผู้ป่วยต่างชาติที่มารักษาที่เปลี่ยนแปลงไป อาจส่งผลกระทบต่อการเข้ามารักษา

2.การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมอและพยาบาล

3.ความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง เช่น การควบคุมยา เวชภัณฑ์ และค่ารักษาพยาบาล

BH แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 182.0

ราคาเป้าหมาย (บาท) 215.0

Upside (%) 18.1

Dividend yield (%) 1.1

 

- Advertisement -