บล.เคจีไอ (ประเทศไทย): 

PTT Oil and Retail Business (OR.BK/OR TB)*

ประมาณการ 2Q65F : แจ็กพอตแตก

Event

ประมาณการ 2Q65F พร้อมทั้งปรับเพิ่มประมาณการกำไร, ราคาเป้าหมายและคำแนะนำ

Impact

คาดว่ากําไรสุทธิใน 2Q65F จะโตถึง 72% YoY และ 61% QoQ

เราคาดว่ากำไรสุทธิของ OR ใน 2Q65F จะอยู่ที่ 6.2 พันล้านบาท (+72% YoY, +61% QoQ) โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง YoY และ QoQ จะเป็นเพราะค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเราคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันของ OR ใน 2Q65F จะเพิ่มขึ้นถึง 22% YoY และ 32% QoQ ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1.50 บาท/ลิตร หลังจากที่รัฐบาลตัดสินใจลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล โดยเริ่มต้นที่ 32 บาท/ลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม และทยอยปรับขึ้นสัปดาห์ละ 1 บาท/ลิตร ตามความเหมาะสมจนกว่าจะชนเพดานที่ 35 บาท/ลิตร เรายังคาดว่าปริมาณยอดขายน้ำมันของ OR จะเพิ่มขึ้น 2% QoQ เป็น 6,858 ล้านลิตร จากการที่ประเทศไทยผ่อนคลายข้อจำกัดในการคุม COVID-19 นอกจากนี้ เราคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันใน 2Q65F จะเพิ่มขึ้น QoQ เนื่องจากคาดว่าปริมาณยอดขายกาแฟของ OR คาดจะเพิ่มขึ้น 8% QoQ เป็น 90 ล้านถ้วย จากการกลับมาเปิดประเทศ แม้ว่าอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมันจะลดลง QoQ จาก 55% เหลือ 53% เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแพงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่สูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ในขณะเดียวกันเราคาดว่าธุรกิจในต่างประเทศจะหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคาด i) ปริมาณยอดขายน้ำมันฟื้นตัวขึ้นเป็น 386 ล้านลิตร (+3% QoQ) และ ii) ปริมาณยอดขาย iii) กาแฟเพิ่มขึ้นเป็น 6.1 ล้านถ้วย (+20% QoQ)

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นอีก 32%

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565F ขึ้นอีก 32% เป็น 1.66 หมื่นล้านบาท เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่รัฐบาลลอยตัวราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม โดยเราได้ปรับเพิ่มสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันของ OR ในปีนี้ขึ้นอีก 24% เป็น 1.20 บาท/ลิตร และปีหน้าขึ้นอีก 5% เป็น 1.00 บาท/ลิตร นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มสมมติฐานปริมาณยอดขายรวมในปี 2565F ขึ้นอีก 4% เป็น 27,032 ล้านลิตร และปี 2566F ขึ้นอีก 2% เป็น 29,049 ล้านลิตร เนื่องจาก i) การใช้น้ำมันในประเทศไทยแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่กลับมาเปิดประเทศ และ ii) อุปสงค์น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ เพราะมีการปรับจากการใช้ก๊าซมาเป็นน้ำมันแทนในโรงไฟฟ้าบางแห่ง จากการที่ราคา LNG ในภูมิภาคอยู่ในระดับสูง และอุปทานก๊าซในประเทศตึงตัวมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เรายังได้ปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่าย SG&A ปีนี้ขึ้นอีก 7% เป็น 2.77 หมื่นล้านบาท และปีหน้าขึ้นอีก 8% เป็น 2.87 หมื่นล้านบาท หลังจากที่บริษัทรายงานค่าใช้จ่าย SG&A ใน 1Q65 ที่ 6.5 พันล้านบาท (+10% YoY)

Valuation & Action

เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H66 ที่ 33.50 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 26.50 บาท โดยอิงจาก PE เท่าเดิมที่ 25.0x เพื่อสะท้อนถึงการปรับเพิ่มประมาณการกำไรในปีนี้ นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ เนื่องจาก i) กำไรมีแนวโน้มดีขึ้นใน 2Q65F, ii) การใช้น้ำมันในประเทศฟื้นตัวขึ้นใน 2H65 และ iii) มีอุปสงค์พิเศษของน้ำมันดีเซลจากโรงไฟฟ้าในประเทศ หลังจากที่เกิดรอยรั่วที่ท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกของโครงการ Zawtika ในประเทศพม่าเมื่อวานนี้ ซึ่งทำให้ต้องระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติจากโครงการ Zawtika มาประเทศไทยชั่วคราวประมาณสองสัปดาห์เพื่อซ่อมแซมท่อส่งก๊าซธรรมชาติ

Risks

ความผันผวนของค่าการตลาดน้ำมัน, ปริมาณยอดขายน้ำมัน และปริมาณยอดขายกาแฟ

- Advertisement -