บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Upgrade)

TP upside (downside) +18.4%

Close Aug 1, 2022 Price (THB) 15.20

12M Target (THB) 18.00

Previous Target (THB) 17.50

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 1,127 ล้านบาทเติบโตสูง QoQ และ YoY จาก 1) ไม่มีการปิดซ่อมของโรงไฟฟ้าหงสาเหมือนใน 1Q65 2) เริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple I และ 3) ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำในจีนที่ฟื้นตัว YoY
  • เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 3Q65 ในระดับ 1,200 – 1,300 ล้านบาท เติบโต QoQ และ YoY เพราะไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลัก รวมถึงเป็นช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple I

Our view

  • ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 18.00 บาท/หุ้น จากการรวมปัจจัยด้าน ESG เข้ามาในการประเมินมูลค่า มี Upside 18.4%
  • เรามองว่าผลประกอบการของ BPP ได้ผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว เนื่องจากบริษัทฯเริ่มรับมือกับต้นทุนที่สูงขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการที่บริษัทฯมีสัดส่วน IBD/E ต่ำเพียง 0.4x ทำให้ได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้นอย่างจํากัด เราจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

BANPU POWER PLC คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโต QoQ และ YoY

คาดกำไรปกติ 2Q65 เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY แม้ราคาถ่านหินยังสูง

แม้ราคาถ่านหินในจีนยังคงสูงกว่า 1,000 หยวน/ตัน ใน 2Q65 แต่คาดกำไรปกติ 2Q65 ที่ 1,127 ล้านบาท เติบโตเด่น +210% QoQ หนุนจาก 1) การกลับมาดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสาหลังปิดซ่อมบำรุงบางส่วนใน 1Q65 2) การเริ่มเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple I ในเดือน มิ.ย. และ 3) โรงไฟฟ้า CHP ในจีนมีการขายไฟฟ้าให้เอกชนผ่าน Power Trading มากขึ้น ทำให้ GPM เริ่มฟื้นตัว (ส่งผ่านต้นทุนที่สูงได้มากกว่าขายให้รัฐ) ขณะที่การเติบโต +9% YoY เป็นผลจาก 1) เงินบาทที่อ่อนค่าทำให้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าหงสาสูงขึ้น (รับค่าไฟเป็น USD) 2) การรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า Temple I 3) ปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำในจีนยังสามารถเติบโตได้ YoY แม้จะมีการ Lockdown หากกำไรปกติ 2Q65 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติ 1H65 คิดเป็นสัดส่วน 57% ของประมาณการทั้งปี อย่างไรก็ตาม ใน 2Q65 BPP จะมีการบันทึกรายการพิเศษเช่น กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและผลขาดทุนจากอนุพันธ์ในสหรัฐฯ (ผลจากการ Mark-to-Market) ทำให้กำไรสุทธิ 2065 อยู่ที่ 347 ล้านบาท (-88% QoQ, -69% YoY)

คาดกำไรปกติ 3Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 3Q65 ในระดับ 1,200 – 1,300 ล้านบาท เติบโตเล็กน้อย QoQ และเติบโตเด่น YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน หนุนจาก 1) ไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลัก เช่น โรงไฟฟ้าหงสา โรงไฟฟ้า Nakoso และโรงไฟฟ้า Temple I 2) การเข้าสู่ช่วง High Season ของโรงไฟฟ้า Temple โดยฤดูร้อนในสหรัฐฯมีการใช้ไฟฟ้าสูง ทำให้ราคาขายสูงขึ้นตาม ขณะที่ต้นทุนก๊าซธรรมชาติจะยังอิงกับราคาในตลาดโลก จึงทำให้รายได้และอัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ QoQ 3) การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนหลังการคลายมาตรการ Lockdown จะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และ 4) การซื้อขายไฟฟ้าผ่านระบบ Power Trading ในจีนช่วงให้อัตรากำไรขั้นต้นพลิกเป็นบวก YoY หลังติดลบในช่วง 3Q64 (ช่วงที่ราคาถ่านหินเริ่มปรับตัวขึ้นแต่ยังไม่มีระบบดังกล่าว)

กลับมาน่าสนใจหลังเริ่มรับมือต้นทุนที่สูงขึ้นได้

ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 18.00 บาท/หุ้น จากการรวม FCF Premium 2% จาก Yuanta ESG Rating ที่ระดับ AA เข้ามาไว้ในการประเมินมูลค่า มี Upside 18.4% เรามองว่าผลประกอบการของบริษัทฯได้ผ่านจุดต่ำสุดของรอบไปแล้ว และมีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะบริษัทฯสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี (ส่งผ่านต้นทุนที่สูงโดยการขายไฟฟ้าผ่านระบบ Power Trading) อีกทั้งยังมีสัดส่วน IBD/E ต่ำเพียง 0.4x ทำให้ได้รับผลกระทบจากกระแสการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆ อย่างจำกัด จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ”

ความเสี่ยงที่สำคัญ – ความผันผวนของราคาถ่านหินในจีน, การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนช้ากว่าคาด, และการปิดซ่อมบำรุงนอกแผนงาน (Unplanned Shutdown)

- Advertisement -