บล.เอเซีย พลัส:

ภาพรวมธุรกิจเติบโตชัดเจนใน 2H65

ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางบวก โดย SMT ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2565-66 เติบโตมากกว่า 30% ต่อปี จากการเน้นหาลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าเพิ่มคำสั่งซื้อมากขึ้น ทั้งในกลุ่ม IC packaging/PCBA boxbuild และ Optics อีกทั้งยังเน้นขยายฐานลูกค้าไปทวีปยุโรปและเอเซียมากขึ้น แม้ยังต้องติดตามปัญหาวัตถุดิบ ขาดแคลนอยู่บ้าง แต่ประเมินว่าจะทยอยดีขึ้นตั้งแต่ 4Q65 เป็นต้นไป ส่วนแผนลงทุนทำธุกิจขุดบิตคอยน์ ปัจจุบันยังไม่ได้ลงทุนธุรกิจดังกล่าวเลย และได้เลื่อนการลงทุนธุรกิจดังกล่าวไปก่อน

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโตถึง 33% yoy สู่ระดับ 279 ล้านบาท จากแนวโน้มรายได้รวม 2565 เติบโตถึง 38% yoy โดยคาดกำไรสุทธิงวด 2Q-3Q65 จะเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าช่วง High season และทิศทางเงินบาทอ่อนค่า ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 37% ตั้งแต่ต้นปี 2565 สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชิพขาดแคลนไปมากแล้ว กำหนด FV ที่ 6.50 บาท ยังคงคำแนะนำซื้อ

SMT ตั้งเป้ารายได้ปี 2565-66 เติบโตมากกว่า 30% ต่อปี

ภาพรวมการประชุมนักวิเคราะห์เป็นไปในทิศทางบวก (2 ส.ค. 65) โดย SMT ตั้งเป้าหมายรายได้รวมปี 2565 ที่ 3.0 พันล้าน เติบโตถึง 37.6% yoy (สอดคล้องกับประมาณการของฝ่ายวิจัย) และตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2566 ที่ระดับ 4.0 พันล้านบาท หรือเติบโต 33.3% yoy (สูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ 12.1%) มีปัจจัยสนับสนุนจาก

1. แนวโน้มความต้องการใช้ชิ้นส่วนฯ ที่เติบโตต่อเนื่องจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าของ SMT (กลุ่ม IC packaging/PCBA Boxbuild/Optics)

2. การขยายฐานลูกค้าไปทวีปยุโรปและเอเชียมากขึ้น ซึ่งลูกค้ารายใหม่แต่ละรายทำสัญญาระยะยาว และมีศักยภาพในการเพิ่มจำนวนคำสั่งซื้อจนกลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ได้ โดยผู้บริหารกำลังเจรจาและทดสอบผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหญ่ในประเทศเยอรมนีและญี่ปุ่น

3. ปัจจุบัน SMT ได้มีการปรับพื้นที่ (Reallocate) ในโรงงานเดิมให้มีพื้นที่มากขึ้น (พื้นที่โรงงาน 3.0 หมื่นตารางเมตร และพื้นที่ห้อง Clean room 1.4 หมื่นตารางเมตร) โดยการย้ายเครื่องจักรบางส่วนไปอยู่โรงงานใหม่ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานเดิมราว 300 เมตร สามารถเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้น โดยใช้เงินลงทุนไม่มาก ซึ่งกำลังการผลิตปัจจุบันสามารถรองรับรายได้ระดับ 4.0 พันล้านบาท

นอกจากนี้ SMT ยังคงเป้าหมาย Gross margin ปี 2565-66 ไว้ที่ 18-20% (ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ 19.7%) โดย SMT มีการกระจายความเสี่ยงด้านฐานลูกค้าและสินค้าที่ดี (Product mix) นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงต่อเนื่องจะส่งผลบวกให้แนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรดีขึ้นในงวด 2H65

อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นความเสี่ยงเรื่องวัตถุดิบขาดแคลน แม้จะคลี่คลายลงบ้างแต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เช่น ชิ้นส่วนประเภทชิพ IC โดย SMT และลูกค้าประเมินว่าสถานการณ์จะทยอยดีขึ้นในช่วง 4Q65 เป็นต้นไป และจะทำให้ต้นทุนวัตถุดิบจะทยอยปรับตัวลดลง และการส่งมอบสินค้าให้ลูกค้าได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน

สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนในธุรกิจขุดบิตคอยน์ (Bitcoin miner) ปัจจุบัน SMT ยังไม่ได้ลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเลย และได้เลื่อนการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งนี้ในเบื้องต้นผู้บริหารประเมินว่าหากราคา Bitcoin กลับมายืนสูงกว่า 3.0 หมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ/BTC อาจมีแนวโน้มที่จะกลับมาพิจารณาลงทุนขุดบิตคอยน์ใหม่ได้อีกครั้ง

แนวโน้ม 2H65 เติบโตต่อเนื่อง…คำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น

คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะเติบโต 32.8% yoy สู่ระดับ 279 ล้านบาท จากแนวโน้มรายได้รวม 2565 เติบโต 37.6% yoy สู่ระดับ 3.0 พันล้านบาท จากแนวโน้มความต้องการใช้ใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เติบโตต่อเนื่อง และปัญหาเรื่องวัตถุดิบขาดแคลนเริ่มทยอยดีขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มรายได้รวมงวด 3Q-4Q65 จะอยู่ที่ราว 850 ล้านบาท/ไตรมาส เติบโตถึง 23% qoq จากคาดการณ์รายได้รวมงวด 2Q65 ผลมาจากการได้ลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าทยอยเพิ่มคำสั่งซื้อ และผลบวกจากทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องในงวด 3Q65 ส่งผลบวกให้แนวโน้มกำไรสุทธิงวด 3Q65 จะขึ้นทำ New high รายไตรมาส เติบโตต่อเนื่อง ทั้ง QoQ และ YoY

ให้น้ำหนักการเติบโตของธุรกิจในงวด 2H65..แนะนำซื้อ

กำหนด FV ปี 2565 เท่ากับ 6.50 บาท อิงวิธี DCF (WACC 15.8%) ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 37% ตั้งแต่ต้นปี 2565 สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับปัญหาชีพขาดแคลนไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักแนวโน้มกำไรสุทธิจะฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่งวด 2Q65 เป็นต้นไป ยังคงคำแนะนำซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1.ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ SMT

2.เศรษฐกิจชะลอตัว หากเศรษฐกิจชะลอตัว จะกดดันคำสั่งซื้อของลูกค้าให้ลดลง และจะกดดันรายได้รวมและกำไรสุทธิของ SMT

SMT แนะนำ ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.84

ราคาเป้าหมาย (บาท) 6.50

Upside (%) 34.2

Dividend yield (%) 2.2

 

- Advertisement -