บล.พาย:

MAJOR:  บมจ. เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป “ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว”

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 23.70 บาท คาดกำไรปกติ 2Q22 ที่ 95 ล้านบาท เทียบขาดทุน 83 ล้านบาทใน 1Q22 และ 240 ล้านบาทใน 2Q21 คาดว่าการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งเป็นผลจากรายได้จากการชมภาพยนตร์และ สินค้าหน้าโรงภาพยนตร์ที่แข็งแกร่ง (80% ของรายได้รวม) บวกกับการออกฉายภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เช่น Jurassic World: Dominion, Doctor Strange และ Top Gun ใน 2Q22 ขณะที่คาดว่ากำไร 3Q22 จะลดลง QoQ จากปัจจัยตามฤดูกาลที่จำนวนลูกค้ามักลดลง และการขาดภาพยนตร์ชั้นดีเข้าฉาย คาดกำไร 4Q22 จะแตะจุดสูงสุดของปีด้วยแรงหนุนจากยอดขาย ตั๋วเรื่อง Wakanda Forever และ Avatar 2 ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาลจากทั่วโลก

าดถึงกำไรที่ฟื้นตัวอย่างน่าประทับใจใน 2Q22

  • คาดกำไรสุทธิ 2Q22 ที่ 165 ล้านบาท นับเป็นจุดสูงรอบ 4 ไตรมาส หากไม่รวมรายการพิเศษจากสินไหมทดแทนที่รับรู้ใน 2Q22 กำไรปกติจะอยู่ที่ 95 ล้านบาท
  • คาดรายได้แตะจุดสูงรอบ 10 ไตรมาสที่ 1.6 พันล้านบาท หลังจากมีผู้ชมในโรงภาพยนตร์สูงขึ้น (ประเมินที่ราว 5.5 ล้านคนเทียบกับ 2.8 ล้านคนใน 1Q22 และ 9 แสนคนใน 2Q21 บวกกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่เข้าฉายจำนวนมาก รายได้สินค้าหน้าโรงภาพยนตร์คาดว่าจะโตเท่าตัว YoY เป็น 400 ล้านบาท หนุนจากจํานวนผู้ชมและยอดขายช็อปคอร์นในห้างโมเดิร์นเทรดที่สูงขึ้น (เริ่มขายใน 2Q22) ส่วนรายได้โฆษณาและโบว์ลิงคาดว่าจะก้าวกระโดดขึ้น 1.6 และ 7 เท่า เป็น 128 ล้านบาท และ 72 ล้านบาท จากฐานใน 2Q21 คาดบริษัทจัดการค่าใช้จ่ายการดำเนินงานได้ดีต่อเนื่อง จนทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) โตขึ้นแตะจุดสูงรอบ 6 ไตรมาสที่ 30%

ช่วง low season ใน 3Q22 ไม่ได้ดูแย่

  • คาดจำนวนผู้ชมที่โรงภาพยนตร์ช่วงเดือน ก.ค. ถึงต้นเดือน ส.ค. จะยังหนาแน่นหลังจากผ่อนปรนมาตรการจำกัดที่นั่งมาเป็น 100% จากที่ 75% ใน 2Q22 ขณะที่ภาพยนตร์เรื่อง Thor: Love and Thunder” และ “บุพเพสันนิวาส 2 ยังทำเงินได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องหลังที่กวาดรายได้ทั่วประเทศไปแล้วกว่า 200 ล้านบาท หลังจากเข้าฉายเพียง 5 วัน นับเป็นการทำลายสถิติภาพยนตร์ไทยทุกเรื่อง
  • ตารางภาพยนตร์ปี 2023 ยิ่งน่าสนใจกว่าในปี 2021-22 เพราะส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ภาคต่อที่มักดึงดูดผู้ชมได้เป็นจำนวนมาก ประกอบด้วย Transformers: Rise of the Beasts, Mission Impossible 7: Dead Reckoning, Fast & Furious X, Aquaman and the Lost Kingdom, Guardians of the Galaxy Vol. 3, The Marvels Ant-Man and the Wasp: Quantumania, The Flash: Flashpoint, Dune: Part Two, John Wick: Chapter 4, Indiana Jones 5 และอีกมากมาย

แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 23.70 บาท

คงคำแนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐาน 23.70 บาทอิง 19.9x PE’23E หรือค่าเฉลี่ย 5 ปี ขณะที่มี upside ต่อกำไรจำนวนมากดังเดิม 1) การลงทุนครั้งใหม่ที่ได้เงินทุนมาจากเงินสดหลังขายหุ้น SF และ 2) ค่าใช้จ่ายด้านการเช่าที่ลดลงเพิ่มเติมหลังจากเจรจากับผู้ถือหน่วยลงทุน MJLF (MAJOR ถืออยู่ 33%) ที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ใน 4Q22

Revenue breakdown

MAJOR ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์ภายใต้แบรนด์ตนเอง ด้วยบริการชมภาพยนตร์หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น RealD, 2D, 3D, 4DX, IMAX และ Screen X ซึ่งหน่วยธุรกิจนี้คิดเป็น 75% ของรายได้รวม

ขณะที่ธุรกิจบริการสื่อโฆษณาคิดเป็น 10% ของรายได้รวมด้วยบริการที่หลากหลาย เช่น สื่อโฆษณาบนจอฉายภาพยนตร์ที่ให้บริการตามเครือข่ายสาขา Major Cineplex ของบริษัททั้งหมด

ทั้งยังดำเนินธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะภายใต้แบรนด์ Blu-O Rhythm & Bowl ปัจจุบันมีเลนโบว์ลิ่งอยู่ 298 เลน และห้องคาราโอเกะ 169 ห้อง และยังมีลานสเก็ตน้ำแข็งอีก 5 แห่ง โดยรวมแล้วคิดเป็น 2% ของรายได้รวม

ส่วนธุรกิจอื่นๆ จะรวมถึงธุรกิจพื้นที่เช่า (คิดเป็น 9% ของรายได้รวม) และคอนเทนต์ภาพยนตร์ (5% ของรายได้รวม)

- Advertisement -