กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์คาดได้รับผลกระทบจากกรณีสหรัฐเยือนไต้หวัน

Market Update

Dow Jones เมื่อคืนปรับตัวลง 1.2% นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับจีน หลังจากนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้เดินทางเยือนไต้หวันและสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% หลังจากนักลงทุนคาดว่า OPEC+ จะมิได้เพิ่มกำลังการผลิตมากนัก ส่งผลให้อุปทานที่เข้ามาในตลาดยังมีความจำกัด ด้านตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐเปิดเผยตำแหน่งงานใหม่เปิดรับสมัครที่ 10.7 ล้านตำแหน่ง ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 10.99 ล้านตำแหน่ง และยังลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 11.3 ล้านตำแหน่ง จากนี้แนะติดตามใกล้ชิดเกี่ยวกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ เนื่องจากมีสัญญาณของการอ่อนแอต่อเนื่อง

Market Outlook

ประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1580 – 1595 แม้จะดูมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ระหว่างสหรัฐกับจีนจากประเด็นการเยือนไต้หวัน อย่างไรก็ตาม ตลาดการเงินทั่วโลกดูจะมิได้กังวลมากเท่าใดนัก สะท้อนผ่านราคาทองคำที่ปรับลง และ Vix Index หรือดัชนีสะท้อนความกังวลของนักลงทุนที่ยังค่อนข้างทรงตัว (ไม่ได้ปรับขึ้นร้อนแรง) ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นเช้านี้ ปรากฏว่าเคลื่อนไหวบวก 0.78% ดังนั้นจึงมองว่าประเด็นการเยือนไต้หวันของผู้นำสหรัฐฯ เป็นเพียงข่าวที่กระทบต่อจิตวิทยา แต่ทั้งนี้หากเกิดความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน รวมถึงเกิดการสู้ รบในไต้หวัน มองผลกระทบมากสุดจะได้แก่อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากเป็นสินค้าหลักที่ไต้หวันส่งออก 40% และมีบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง TSMC ที่มีมูลค่าบริษัทถึง 12.76 ล้านล้านบาท (GDP ประเทศไทย 17 ล้านล้านบาท) ขณะที่บริษัทในไทยที่มีมูลค่าตลาดสูงสุดในตลาดฯ ยังอยู่ที่เพียง 1 ล้านล้านบาท โดยลูกค้าหลักของ TSMC ได้แก่ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อันดับต้นๆ อาทิ AMD, NVIDIA, SAMSUNG, Apple เชื่อว่าจะกระทบกับ Supply Chain โดยหุ้นไทยที่มีผลกระทบคาดจะได้แก่ (COM7 DELTA HANA KCE SYNEX) ช่วงสั้นแนะหลีกเลี่ยงออกไปก่อน โดยปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่ PMI ภาคบริการของสหรัฐฯ Bloomberg ประเมินที่ 53.5 ในเชิงกล ยุทธ์การลงทุนมอง Domestic ยังดูน่าสนใจ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO GLOBAL) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TTB) กลุ่ม Anti Commodity (SCC SCGP TOA TASCO) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) โรงพยาบาล (BCH CHG) ขนส่ง (BTS BEM)

Pi Stock Picks

MAJOR (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.00 บาท)

คาดกำไรสุทธิ 2Q22 ที่ 165 ล้านบาท นับเป็นจุดสูงรอบ 4 ไตรมาส หากไม่รวมรายการพิเศษจากสินไหมทดแทนที่รับรู้ใน 2Q22 กำไรปกติจะอยู่ที่ 95 ล้านบาท

BBL (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 159.00 บาท)

เลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร คำแนะนำซื้อสะท้อน 1) งบดุลที่ยืดหยุ่นดี ด้วยอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้ฯ ระดับสูงและฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต 2) การเติบโตของกำไรสุทธิที่มั่นคง

- Advertisement -