บล.ฟิลลิป:BAY
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา – BAY จะเติบโตอย่างระมัดระวัง
Key Point
สินเชื่อยังโตต่อเนื่องหลักๆ มาจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และการที่บริษัทแม่เป็นธนาคารขนาดใหญ่จากญี่ปุ่น ทำให้สินเชื่อธุรกิจข้ามชาติ และธุรกิจญี่ปุ่นยังโตต่อ อย่างไรก็ตาม จะไม่เน้นการเติบโตอย่าง aggressive เพื่อความระมัดระวัง โดยจะเน้นเลือกลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนสูงเป็นหลัก นอกจากนี้ยังคงมองหาโอกาสการเติบโตในต่างประเทศเพิ่มด้วย ยังคงราคาพื้นฐาน 39.50 บาท และยังแนะนำ “ซื้อ”
สินเชื่อเข้าเป้าแล้ว แต่ยังคงเป้าไว้เหมือนเดิม
ถึงแม้ว่า 1H65 BAY จะปล่อยสินเชื่อได้แล้ว 3.7% ytd ซึ่งส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อรายย่อยเป็นหลัก ในขณะที่สินเชื่อ SME หดตัว และ BAY มองว่าช่วงที่เหลือของปีเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากผลกระทบจาก COVID-19 ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม BAY ยังคงเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3-5% ไว้เหมือนเดิม เพื่อความระมัดระวัง โดยจะมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น รวมไปถึงโอกาสลงทุนในต่างประเทศ
NPL ยังจัดการเองได้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้ง JVAMC
NPL ของ BAY ใน 2Q65 เพิ่มขึ้นมาเป็น 2.11% จาก 2.03% ใน 1Q65 จากสินเชื่อ SME และสินเชื่อเช่าซื้อเป็นหลัก และทำให้สัดส่วนสำรองต่อ NPL ลดลงเป็น 183% จาก 184% ใน 1Q65 แต่ทาง BAY มองว่า NPL ที่มีอยู่นั้นยังต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มที่มี NPL อยู่ 3.01% และยังบริหารจัดการได้ ประกอบกับสัดส่วนสำรองต่อ NPL ที่มีอยู่ก็ยังสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่มีอยู่ 169% มาก ทำให้ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้ง JVAMC
ผลกระทบจากการลงทุนใน Crypto currency มีไม่มาก
BAY มีการลงทุนในธุรกิจ Crypto currency ผ่าน บ.ลูกคือ กรุงศรีฟินโนเวต ซึ่งได้ไปลงทุนใน Zipmex ที่กำลังมีปัญหา แต่มีเงินลงทุนเพียง 2 ล้านเหรียญเท่านั้น จึงน่าจะไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อ BAY
กำไรปีนี้จะลดลงเนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากการขายหุ้น TIDLOR
ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรปี 65 ไว้ที่ 31 พันลบ. ลดลง 8.1% y-y เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากการขายหุ้น TIDLOR จำนวนมาก แต่คาดว่า BAY จะมีการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นเป็น 1.10 บาท/หุ้น คิดเป็น Div. Yield 3.5% จากปีก่อนที่จ่าย 0.85 บาท/หุ้น หลังการปลดล็อคการจ่ายปันผลจาก ธปท.
ความเสี่ยง
1. ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย
2. ความเสี่ยงด้านเครดิต
3 การเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน