บล.เอเซีย พลัส:

ภาพกำไรเริ่มฟื้นตัวจากการผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว

คาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 ลดลง 78.1%qoq มาอยู่ที่ 640.3 ล้านบาท กดดันจากผลขาดทุนรายการพิเศษ ขณะที่กำไรปกติคาดเติบโต 78.3%qoq มาอยู่ราว 1.3 พันล้านบาท หนุนหลักจาก Temple1 ที่รายได้เติบโตตามการเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อนในสหรัฐฯ และส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วม BLCP และ HPC ที่ผลประกอบการดีขึ้น ช่วงสั้น 3Q65 คาดกำไรปกติยังเติบโตต่อเนื่อง QoQ หนุนหลักจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ แม้ยังมีปัจจัยกดดันจากราคาเชื้อเพลิงพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม

คงประมาณการกำไรปกติ และประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 อยู่ที่ 18.0 บาท/หุ้น ทิศทางกำไรในช่วงสั้นคาดจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องในช่วง 2Q65-3Q65 หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว อีกทั้งราคาหุ้นผ่านการปรับฐานลงระดับหนึ่งจนเห็น upside สูงกว่า 18% ช่วงสั้นจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม switch

2Q65 คาดกำไรสุทธิลดลง แต่กำใรปกติเติบโต Q0Q

คาดกำไรสุทธิงวด 2Q65 จะปรับตัวลดลง 78.1%qoq มาอยู่ที่ 640.3 ล้านบาท กดดันจากรายการพิเศษที่สุทธิแล้วคาดจะบันทึกกลับเป็นผลขาดทุน 696.8 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) กำไร Fx 324.2 ล้านบาท และ 2) ขาดทุนจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงินราว 1.0 พันล้านบาท เทียบกับงวด 1Q65 ที่บันทึกเป็นกำไร 2.2 พันล้านบาท ประกอบด้วย 1) กำไรจากการขายหุ้นบริษัท Sunseap 3.0 พันล้านบาท 2) ขาดทุน Fx 21.6 ล้านบาท และ 3) ขาดทุนจากการวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงิน 772.0 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากตัดรายการพิเศษออกไป และพิจารณาเฉพาะกำไรปกติ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 78.3%qoq มาอยู่ราว 1.3 พันล้านบาท หนุนจากรายได้รวมที่คาดจะเพิ่มขึ้น 28.5%qoq มาอยู่ราว 5.0 พันล้านบาท จากโรงไฟฟ้า Temple 1 ที่คาดทั้งราคาขายไฟฟ้า และปริมาณขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามการเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนของสหรัฐฯ ถึงแม้ว่ากลุ่มโรงไฟฟ้า CHP ในประเทศจีน คาดปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมจะลดลงหลังจากผ่านพ้นช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดใน 1Q65 มาแล้วก็ตาม อีกทั้งแม้ราคาถ่านหินที่คาดยังปรับตัวสูงต่อเนื่องราว 10%qoq มาอยู่ที่ 1.2 พันหยวน/ตัน แต่คาดกลุ่มโรงไฟฟ้า CHP จะส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาขายได้มากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ในงวดนี้คาดจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 13.1% จาก 6.5% ในงวด 1Q65 นอกจากนี้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมคาดจะเพิ่มขึ้น 196.3%qoq มาอยู่ที่ 797 ล้านบาท หนุนหลักจากโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้า HPC ที่กลับมาเดินเครื่องได้เต็มไตรมาส หลังจากมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานใน unit 1 และunit 2 เป็นเวลา 41 วัน และ 50 วัน ตามลำดับ ในช่วง 1Q65 ถึงแม้ว่าโรงไฟฟ้า Nakoso คาดจะรับรู้ผลประกอบการลดลง ตามการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนราว 40 วัน

ในส่วนของต้นทุนทางการเงิน คาดจะเพิ่มขึ้นราว 10.6%qoq มาอยู่ราว 184.1 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้ของทางบริษัทในช่วงเดือน มิ.ย.

โดยรวมแล้วคาดกำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 56.4% ของประมาณการทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

คงประมาณการกำาไรปี 65…3Q65 คาดกําไรยังเติบโตต่อเนื่อง QoQ

ฝ่ายวิจัยคงประมาณการกำไรปกติปี 2565 ไว้ที่ 3.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.2%yoy จากการรับรู้โครงการใหม่ที่ทยอย COD ในปี 2564 รวม 522.1 MWe ได้เต็มที่ทั้งปี และการรับรู้โครงการใหม่ที่คาดทยอยเข้ามาในปี 2565 อีกราว 90 MWe

โดยในช่วงสั้นคาดกำไรปกติ 3Q65 ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง QoQ หนุนหลักจากโรงไฟฟ้า Temple 1 ที่คาดปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนในสหรัฐฯ และโรงไฟฟ้า Nakoso ที่คาดจะกลับมาเดินเครื่องได้เต็มไตรมาส แม้ยังมีปัจจัยกดดันจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้า BLCP และ HPC ที่คาดจะลดลงหลังผ่านนพ้นช่วงฤดูร้อนในประเทศไทยมาแล้ว รวมถึงการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของ BLCP unit1 ราว 22 วัน นอกจากนี้ ต้นทุนพลังงานทั้งก๊าซฯ และถ่านหินที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น QoQ ตามสถานการณ์ supply ที่ออกสู่ตลาดโลกได้อย่างจำกัด และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังยืดเยื้อต่อเนื่อง

ประเด็นความเสี่ยง

1. ความเสี่ยงจากการที่โรงไฟฟ้าไม่สามารถผลิตไฟฟ้าและไอน้ำได้ตามสัญญากับลูกค้า ซึ่งอาจเกิดเหตุสุดวิสัย อาทิ อัคคีภัย ระเบิด แผ่นดินไหว และอุปกรณ์ชำรุด เป็นต้น

2. ความเสี่ยงจากการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าฉุกเฉิน (Unplanned Shutdown)

BPP แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 15.20

ราคาเป้าหมาย (บาท) 18.00

Upside (%) 18.4

Dividend yield (%) 4.3

- Advertisement -