ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
บวกต่อ ปัจจัยต่างประเทศดูดีขึ้น
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับขึ้นต่อ… หลังจากเมื่อวานนี้ ดัชนีฯ แกว่งตัวขึ้นได้ดีกว่าที่เราคาดเล็กน้อย แต่ contributors หลักๆ ต่อตลาดยังกระจุกอยู่ในหุ้นไม่กี่ตัว เช่น DELTA* และ PTTEP* เป็นต้น…. ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศดูดีขึ้นและน่าจะหนุนจิตวิทยาการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและหุ้นไทย i) ประธานสภาผู้แทนสหรัฐฯ Nancy Pelosi เสร็จสิ้นการเยือนไต้หวันและเดินทางกลับแล้ว ขณะที่ยังไม่มีการประกาศตอบโตเพิ่มเติมจากฝั่งจีนในขณะนี้ ii) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนี ISM ภาคบริการ เดือน ก.ค. ออกมาสูงกว่าที่ consensus คาดอย่างมาก และปรับขึ้นสู่ระดับที่แข็งแกร่งที่ 56.7 จุด ส่งผลให้ตลาดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯในไตรมาส 3/65 iii) ผู้ว่าการเฟด สาขาเซ็นหลุยส์ James Bullard กล่าวว่าเขาคิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ถดถอย เนื่องจากการใช้จ่ายบริโภคยังเติบโต และตลาดแรงงานแข็งแกร่ง… อย่างไรก็ดี เราคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะด้อยกว่าดัชนีฯ ในวันนี้ หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับลดลงประมาณ 4% ตอบรับตัวเลขสำรองน้ำมันดิบรายสัปดาห์ ของ EIA ที่สูงกว่าที่ consensus คาดค่อนข้างมาก ทั้งนี้ราคาน้ำมันปรับฐานลงแม้ว่ากลุ่ม OPEC+ จะมีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันเพียง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน สำหรับเดือน ก.ย. ด้านฟันด์โฟลว์อาจมีการชะลอบ้างในระยะสั้น หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ดูดีขึ้นบ้าง ส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวเมื่อคืนนี้ แต่ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมองธีมใหญ่ของเม็ดเงินเป็นการไหลเข้าสู่ฝั่งเอเชียและไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร LEO, BCH*, SNNP
- LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 11.6 บาท / แนวต้าน 12.2 – 12.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 13 บาท (Stop loss 11.3 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2Q65 ทรงตัวดีต่อเนื่อง QoQ และโตเด่น YoY แม้ค่าระวางเรือ คอนเทนเนอร์จะชะลอตัว แต่คาดปริมาณขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น และธุรกิจ Freight forwarder ไม่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันเหมือนสายเดินเรือ 3) ประเมินความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (ประเทศจีน – ไต้หวัน) มีโอกาสจะเป็น Upside i) การที่ประเทศจีนทำการแบนสินค้ากลุ่มอาหารจากไต้หวัน เป็นโอกาสส่งออกสินค้าจากไทย ii) อาจเกิดสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ในภูมิภาค (ยิ่งตู้คอนเทนเนอร์หายากจะเป็นบวกต่อ Freight forwarder อย่าง LEO) 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ใน Bloomberg consensus ค่าเพียง 12.2 เท่า ขณะที่คาดมีโอกาสปรับประมาณการฯ ขึ้น
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.6 บาท / แนวต้าน 21.0 – 21.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 22 บาท (Stop loss 19.9 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มกำไร 2Q65 ยังเติบโตแบบ YoY แม้จะชะลอตัวลง QoQ เนื่องจากคาดว่าเป็นผลจากการผ่านพ้นช่วงวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ดี เราคาดจำนวนผู้ป่วย Non-โควิด โดยเฉพาะผู้ป่วยต่างชาติ จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H65 ตามการกลับมาเปิดประเทศต้อนรับต่างชาติ 3) Valuation ไม่แพง Forward PE ต่ำเพียง +/- 11.5 เท่า ขณะที่เป็นหุ้น Safe haven คาดมีโอกาสที่จะเป็นเป้าหมายการลงทุน กรณีที่ตลาดกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์
- SNNP (เป้า Consensus 19.85 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 15.5 บาท / แนวต้าน 15.9 – 16.5 บาท (Stop loss 15.2 บาท) 2) Consensus คาดกําไร 2Q65 โต +52% YoY เป็น +116 ล้านบาท และเรา คาด Earnings momentum จะดีขึ้นเรื่อยๆทุกไตรมาสจนถึง High season 4Q65 – 1Q66 เป็นอย่างน้อย จาก i) การฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและในภูมิภาค ii) ต้นทุนวัตถุดิบเริ่มทรงตัว ขณะที่ทําการปรับกลยุทธ์เพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นมีโอกาสที่อัตรากําไรจะดีกว่า Consensus คาด iii) การเปิดโรงงานใหม่ที่เวียดนามใน 4Q65 3) Forward PE ปีนี้ +/ 31 เท่า และคาดจะลดลงเหลือ +/- 25 เท่าในปีหน้า โดย Consensus คาดกำไรปีหน้าโต +24% YoY
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
(0) เบรกดีลรวม TRUE*-DTAC* (ไทยโพสต์) กสทช.สั่งวิเคราะห์ข้อมูลถี่ยิบหวั่นผูกขาด บอร์ด กสทช. แตะเบรกดีลควบรวม TRUE*- DATC* พร้อมสั่งวิเคราะห์ข้อมูลถี่ยิบ แจงเพื่อใช้ออกแบบมาตรการป้องกันผูกขาด-แข่งขันไม่เป็นธรรม ด้านอดีตบิ๊ก กสทช. ชี้ทำได้ตามประกาศปี 61
(+) TOM* แตกไลน์-รุกสินเชื่อ ต่อยอดรายได้พุ่งเท่าตัว (ทันหุ้น) TOM* ปรับโครงสร้างธุรกิจสู่โฮลดิ้ง! จ่อเปลี่ยนชื่อใหม่สิงหาคมนี้ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจสินเชื่อ วางหมากปี 2569 รายได้โต 100% จากปี 2564 รับธุรกิจใหม่หนุน แถมเล็งต้น 2 บริษัทย่อยเข้าตลาด อัพแกร่งอนาคต
(-) ธนารักษ์ย้อนศร EASTW ขยับค่าเช่าจาก 7 เป็น 20% (ข่าวหุ้น) ธนารักษ์เตรียมร้องศาลฯ สั่งให้เอกชนรายเดิมจ่ายค่าเช่าท่ออัตราใหม่ที่ 20% ของรายได้จากเดิม 7% ระหว่างรอศาลฯ ตัดสิน หวั่นรัฐสูญรายได้หากยืดเยื้อต่อไป พร้อมลุ้นบริษัท วงษ์สยามฯ ร้องศาลฯ ขอยกเลิกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวกรณีเซ็นสัญญาท่อนํ้า เนื่องจากเป็นการวินิจฉัยฝ่ายเดียวจาก EASTW
(+) MAJOR ลุ้นงบ Q2 พลิกกำไร 115 ล. ขายตั๋วหนังเพิ่ม (ข่าวหุ้น) จับตา MAJOR แจ้งงบวันที่ 11 ส.ค.นี้ โบรกฯ คาดไตรมาส 2/65 พลิกมีกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท บุกรายการพิเศษจากค่าสินไหมประกันภัยกรณีเพลิงไหม้ ยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์เพิ่ม ยอดขายเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวโต พร้อมมองครึ่งปีหลังดีต่อเนื่อง เชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26.75 บาท
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 31 บาท) แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 27 บาท)
- PTG* (เป้าพื้นฐาน 17.8 บาท) แนวรับ 14.8 บาท / แนวต้าน 15.3 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 14.5 บาท)
- COM7* (เป้าพื้นฐาน 52 บาท) แนวรับ 32 บาท / แนวต้าน 34-35.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 30 บาท)
- BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38.5 บาท / แนวต้าน 40 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 38 บาท)
- OTO (เป้าพื้นฐาน 16.2 บาท) แนวรับ 17.6 บาท และ 17.3 บาท / แนวต้าน 18.2-18.5 บาท (Trailing stop 17.0 บาท)
- ILM (เป้า SAA Consensus 21.45 บาท) แนวรับ 17.2 บาท / แนวต้าน 18.1-18.9 บาท (Trailing stop 16.5 บาท)
- NEX (เป้า Consensus 22.8 บาท) แนวรับ 16.8 บาท / แนวต้าน 17.3-17.6 บาท (Trailing stop 16.3 บาท)
- ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) แนวรับ 2.36 บาท / แนวต้าน 2.48-2.58 บาท (Stop loss 2.2 บาท)
- GPSC* (เป้าพื้นฐาน 82 บาท) แนวรับ 68.25 บาท / แนวต้าน 70.5-72.5 บาท (Stop loss 67 บาท)
- KBANK* (เป้าพื้นฐาน 188 บาท) แนวรับ 144 บาท / แนวต้าน 148-152 บาท (Stop loss 142 บาท)
- IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 18.0 บาท / แนวต้าน 18.4-19.0 บาท (Stop loss 17.4 บาท)
- HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.2 บาท / แนวต้าน 13.7-4.0 บาท (Stop loss 13.0 บาท)
สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- PTT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 47 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 3.91 หมื่นล้านบาท (+59% YoY, +53% OoO โดยไรที่คาดจะดีขึ้นมาก มาจากบริษัทลูกที่คาดกำไรโตเด่นจากราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น และค่าการตลาดฯ คาด Dividend yield ปันผลระหว่างกาล >3%
- กลุ่มโรงไฟฟ้า น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรสุทธิ 2Q65 ของกลุ่มฯ ในภาพรวมจะยังลดลง YoY, QoQ เนื่องจากคาดมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน อย่างไรก็ดี หากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานคาดกำไรปกติ โดยรวมจะเริ่มฟื้นตัว +QoQ และคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 1Q65 หุ้นเด่นเลือก GULF* BGRIM* GPSC* EGCO*
- TACC แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 10.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 2Q65 = 65 ล้านบาท (+21.5%YoY, +8.9% QoQ) และคาดแนวโน้มผลกำเนินงานจะดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H65 จากการเปิดประเทศและการท่องเที่ยว
- AAV แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 2.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุนสุทธิ 4.14 พันล้านบาท ใน 2Q65 (ขาดทุนมากขึ้นเทียบ QoQ, YoY) และคาดมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน หากพิจารณาเฉพาะผลการดำเนินงานหลัก คาดว่าจะยังขาดทุนหนักราว -2.44 พันล้านบาท