บล.บัวหลวง:
System Integrator – ฟ้ากำลังจะเปิด (OVERWEIGHT)
ราคาหุ้นกลุ่มผู้รับเหมาวางระบบปรับตัวลงตามผลการดำเนินงานที่อ่อนแอตามฤดูกาลในไตรมาส 1/65 แต่เราคาดจะเห็นกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นในไตรมาส 2/65 และครึ่งหลังของปี 2565 ทั้งนี้อ้างอิง จากมูลค่าที่ยังคงถูก (PER เฉลี่ยต่ำกว่า 20 เท่า) จึงทำให้มีความเสี่ยงจํากัด โดยเราชอบ ITEL มากที่สุดในกลุ่ม เพราะเราคาดว่ากําไรจะแข็งแกร่งในไตรมาส 2/65 และจะเติบโตตลอดครึ่งหลังของปี 2565 หนุนจากโครงการใหม่ๆ จากทาง กสทช.
กําไรไตรมาส 2/65 จะปรับตัวขึ้น QoQ เราคาด ITEL จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 67 ล้านบาท เติบโต 41% YoY และ 22% QoQ นำโดยรายได้งานโครงการ (เติบโต 341% YoY และ 89% QoQ) โดยบางส่วนจะรับรู้มาจาก Blue Solutions อย่างเต็มไตรมาส (รับรู้เพียง 1 เดือนในไตรมาส 1/65)
เราคาด MFEC จะรายงานกําไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 62 ล้านบาท เติบโต 31% YoY (ฐานที่ต่ำในไตรมาส 1/65) และ 15% QoQ (ตามปัจจัยทางฤดูกาล) การเติบโต YoY หนุนมาจากเทรนด์การใช้คลาวด์ที่เพิ่มมากขึ้น เช่น Google Cloud ที่ท่าให้ Robinhood ของ SCBX ขณะที่เราคาด AIT จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 123 ล้านบาท ลดลง 10% YoY (จากฐานที่สูงในไตรมาส 2/64) แต่เติบโต 55% QoQ (โครงการใหญ่ที่เริ่มใน ไตรมาส 4/64 และไตรมาส 1/65 เริ่มเข้าที่เข้าทางกันแล้วในไตรมาส 2/65)
ภาพธุรกิจและกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2565
ด้าน ITEL กสทช. จะมีการเปิดประมูลโครงการหลักสูตรออนไลน์ (ภายใน 1 เดือน) และโครงการ USO TOT (ในอีก 1 – 2 เดือนข้างหน้า) โครงการ data center ที่เซ็นต์กับลูกค้าไฮเปอร์สเกลเลอร์ไปจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตร มาส 3/65 โดยเราคาดกำไรสุทธิจะเติบโต 46% ในปี 2565 ทั้งนี้ ประมาณการกําไรในครึ่งแรกของปี 2565 ของเราคิดเป็น 33% ของประมาณการกำไรทั้งปี ซึ่งเราเชื่อว่าโครงการใหม่ๆ ของกสทช. จะหนุนให้บริษัทสามารถ บรรลุเป้าประมาณการกำไรทั้งปีของเราได้
การลงทุนในด้านเทคโนโลยีของหลายธนาคารและการใช้คลาวน์ที่เพิ่มมากขึ้นจะหนุนการเติบโตของ MFEC โดยเราคาดกําไรสุทธิปี 2565 จะอยู่ที่ 270 ล้านบาท เติบโต 15% YoY (ประมาณการก่าไรครึ่งแรกของปี 2565 ของเราคิดเป็น 43% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา สังเกตว่าในปี 2562-64 กําไรไตรมาสที่ 4 ไตรมาสเดียวก็คิดเป็น 40-60% ของกำไรหลักทั้งปีแล้ว) ถึงแม้ว่าเราคาดจะเห็นการประมูลโครงการใหม่ๆ มากขึ้น เนื่องจากผลกระทบของโควิด 19 เริ่มเบาบางลง แต่เรามองว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้ากว่าที่คาดก่อนหน้า ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรทั้งปีของ AIT ลง จาก 712 ล้านบาทมาเหลือ 642 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโตเพียง 5% YoY ทั้งนี้ประมาณการกำไรครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 32% ของประมาณการกำาไรทั้งปีของเรา ซึ่งเราเชื่อว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้จากปัจจัยทางฤดูกาล
พร้อมลุย!
เราแนะนำซื้อสะสมหุ้นทั้งสามบริษัทหลังจากที่ราคาลงมา เพราะผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 1/65 โดยเรามีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ของ ITEL ที่ 5.60 บาท (จาก 7.60 บาท) อ้างอิงจาก PER ปี 2565 ที่ 30 เท่า (ค่าเฉลี่ยกลุ่มเทค) เราปรับจากการอิง PEG มาเป็น PER แทน เนื่องจากหุ้น growth ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทั้งนี้เรามีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ของ MFEC ที่ 11.50 บาท อ้างอิงจาก PER ปี 2565 ที่ 19 เท่า ซึ่งมาจากการคิดลด 5% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มผู้รับเหมาวางระบบ เนื่องจากภาพการเติบโตที่ช้ากว่า และเรามีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ของ AIT ที่ 8.35 บาท (จาก 9.20 บาท เนื่องจากการปรับลดประมาณการกำไร) อ้างอิงจาก PER ที่ 18 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ยของบริษัท 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ทั้งนี้เราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของ AIT ในปี 2565 สูง 8.4% และมี PER ปี 2565 ในปัจจุบันที่เพียง 9.5 เท่า ทั้งนี้ในกลุ่มผู้รับเหมาวางระบบ เราชอบ ITEL ที่สุด จากโครงการใหม่จากทางกสทช.ตั้งแต่ไตรมาส 3/65 เป็นต้นไป