“SCM” โชว์ฟอร์ม ครึ่งปีแรก กวาดกำไร 92.8 ลบ. โตตามนัด
เคาะปันผล 0.15 บาท/หุ้น – ประกาศย้ำครึ่งปีหลังโตก้าวกระโดด
กรุงเทพฯ – บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ “SCM” โชว์ฟอร์ม ผลงานไตรมาส 2/65 กวาดรายได้ 287.7 ล้านบาท โต 7% QoQ และ 15% YoY กำไร 56.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% QoQ และ 7% YoY ตามลำดับ หนุนครึ่งปีแรกยอดขายพุ่ง 556.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2% ขณะที่กำไรสุทธิแตะ 92.8 ล้านบาท โต 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เหตุกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตรได้รับการตอบรับที่ดี พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บาท ขึ้น XD วันที่ 22 ส.ค.นี้ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังเดินหน้าออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง หวังเพิ่มความหลากหลาย-กระจายความเสี่ยง มั่นใจปีนี้ยอดขายโตตามเป้า 20% ด้าน “ธุรกิจลิสซิ่ง” เตรียมปล่อยสินเชื่อจริงเดือน ก.ย. พร้อมตั้งเป้าหมายสิ้นปี 65 จะมีพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประมาณ 50 ล้านบาท
นายแพทย์สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ (“SCM”) ผู้นำในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภค ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ รูปแบบลักษณะธุรกิจเครือข่ายแบบขายตรง (Multi-level Marketing หรือ “MLM”) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2565 มีมติจ่ายเงินปันผลงวดผลระหว่างกาล (งวดการดำเนินงาน 1 มกราคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 ) เป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.15 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 90 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 22 สิงหาคม 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2565
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 /2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายสินค้าและการบริการที่ 287.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อน (QoQ) และมีกำไรสุทธิ 56.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) และเพิ่มขึ้น 55% จากไตรมาสก่อน (QoQ) ส่งผลให้ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมจากการขายสินค้าและการบริการที่ 556.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีรายได้จากการขายสินค้าและการบริการ 529.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 92.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.8 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 88.6 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่ยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากกลุ่มสินค้าเพื่อการเกษตร เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตรของบริษัทฯ ให้การยอมรับและบอกต่อในตัวผลิตภัณฑ์มากขึ้น ประกอบกับภาวะราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้าเพื่อการเกษตรของบริษัทฯ สามารถเข้าทำตลาดและได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ สามารถจัดกิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพ และสามารถกระตุ้นการบริโภคของลูกค้าที่สนใจในสินค้าของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี จึงส่งผลให้รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น
“ภาพรวมผลดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/2565 และครึ่งปีแรกปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดย ผลิตภัณฑ์ที่ติด Top 10 ขายดีที่สุด ได้แก่
1. S Vera Plus เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มน้ำว่านหางจระเข้ ผสมสารสกัดจากโกจิเบอร์รี่,
2. S.O.D More เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่าสารต้านอนุมูลอิสระทั่วไป,
3. Phytovy เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ล้างสารพิษในลำไส้,
4. Transform Plus เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารพืช กระตุ้นการเจริญเติบโต เร่งต้น เร่งราก,
5. Brazillian Arabica Coffee เป็นผลิตภัณฑ์กาแฟ บราซิลเลี่ยน อาราบิก้า ผสมคอลลาเจนและใยอาหาร,
6. ยาสีฟัน Benfite,
7. Nutriga เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านความเสื่อมของเซลล์,
8. Mores Collagen ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม สารสกัดคอลลาเจนจากปลาทะล 10,000 มิลลิกรัม,
9. Click Plus อาหารสำหรับสุภาพสตรี ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกายให้ทำงานปกติ,
10. S Vera Gel เป็นเจลว่านหางจระเข้ รักษาสิวลดเลือนริ้วรอย
ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างยอดขายให้กับ SCM ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และคาดว่าจะได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง”
ด้านนายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “SCM” ประกาศเดินหน้าตอกย้ำธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง โดยบริษัทฯ มองว่า ตลาดอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคในรูปแบบเครือข่ายนี้ จะเกิดความท้าทายมากขึ้น จากการมีผู้เล่นเพิ่มส่งผลให้ตลาดคึกคักตามไปด้วย ดังนั้น SCM จึงมุ่งมั่นในการมองหาแผนขยายการต่อยอดผ่านธุรกิจเดิม ควบคู่การเดินเกมรุกบุกเจาะตลาดและขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจาก บริษัทฯ เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี2565 ภาพรวมการลงทุนทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อมีการฟื้นตัวจากโมเมนตัม (Momentum) ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ เร็วๆ นี้ บริษัทฯ เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ (New Product) และผลิตภัณฑ์ทดแทน (Product Replacement) อย่างต่อเนื่อง อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารกำจัดวัชพืชและเพิ่มฮอร์โมนพืช ภายใต้แบรนด์ “Growing More”, ครีมบำรุงผิวหน้า Brightening ภายใต้แบรนด์ “S Mone”, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการนอนหลับ ภายใต้แบรนด์ “Nutrinal” เป็นต้น
“ครึ่งปีหลังบริษัทฯ มองว่า ปัจจัยดังกล่าวจะทำให้ตลาดในอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นที่ต้องการของกลุ่มคนที่มองหาอิสระในการทำงาน และมีรายได้อย่างมั่นคง ซึ่งด้วย SCM เรามี Product ที่กระจายไปหลายกลุ่ม จึงเป็นการลดความเสี่ยงได้ดี เช่น ปุ๋ย และการขยายกลุ่มลูกค้าไปที่กลุ่มเพื่อสุขภาพ (Wellness) ที่เน้นการชะลอวัย (Anti-Aging) มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯเตรียมเจาะตลาดไปยัง ประเทศฟิลลิปปินส์ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมสาขาและ Product โครงสร้างราคา รวมถึงกลยุทธ์ที่ผนึกกำลังเหล่านักธุรกิจผู้นำซัคเซสมอร์ สร้างแรงขับเคลื่อน The power of one เป็นการนำระบบมาพัฒนาคนต่อคนเพื่อให้เกิดคุณภาพสูงสุด”
อย่างไรก็ตาม จากแผนกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงตอกย้ำอัตราเติบโตของรายได้ในปี 2565 ว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 20% ภายใต้กลยุทธ์หลักๆ ประกอบด้วย 1.ขยายเพิ่มฐานสมาชิก ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 บริษัทฯ มีจำนวนสมาชิกรวม 180,000 ราย 2.เจาะขยายตลาดเกษตรกรและตลาดSilver Age, 3.ขยายดีลเลอร์ต่างประเทศ และ 4.พัฒนายกระดับความแข็งแกร่งของทีมขยายเครือข่าย
ส่วนความคืบหน้า “ธุรกิจลิสซิ่ง” ภายใต้ชื่อ “บริษัท จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “SCM” กล่าวว่า จะสามารถเริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ภายในเดือนสิงหาคมนี้ โดยในเฟส 1 จะสามารถปล่อยสินเชื่อได้จริง ในช่วงเดือนกันยายน พร้อมตั้งเป้าหมายเบื้องต้นว่าภายในสิ้นปี 2565 จะมีพอร์ต (Port) สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประมาณ 50ล้านบาท ซึ่งการลงทุนใน “ธุรกิจลิสซิ่ง”ครั้งนี้ ถือเป็นการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ของ SCM โดยมองว่าธุรกิจดังกล่าวจะสามารถรองรับความต้องการของกลุ่มสมาชิก MLM ที่มีอยู่กว่าแสนรายในขณะนี้ได้เป็นอย่างดี