ATP30 เผยผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีรายได้รวม 158.72 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่มรา 11.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 663% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ระบุเป็นผลจากการพัฒนาเทคโนโลยี RPA ต่อเนื่อง ควบคุมต้นทุน หนุนการเติบโตแข็งแกร่ง ตอกย้ำผลประกอบการทั้งปีนี้ All Time High มั่นใจโต 25% ตามเป้า ดันรายได้แตะ 600 ล้านบาท ขณะที่ทิศทางครึ่งปีหลังเติบโตดี มุ่งเน้นขยายฐานกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเพิ่ม พร้อมศึกษาธุรกิจรถบัสไฟฟ้า คาดสามารถให้บริการรถบัสไฟฟ้าฟลีทแรกภายในปีนี้ เพิ่มโอกาส ขยายฐานรายได้

 

นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทีพี 30 จำกัด (มหาชน) หรือ ATP30 เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/65 บริษัทมีรายได้รวม 158.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 109.43 ล้านบาท จำนวน 49.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 45.04% และมีกำไรสุทธิ 11.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.45 ล้านบาท จำนวน 9.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 663.45%

ส่วนผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้รวม 311.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 219.89  ล้านบาท จำนวน 91.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.50% และมีกำไรสุทธิ 24.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.26  ล้านบาท จำนวน 13.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 53.61%

ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทปรับตัวสูงขึ้น มาจากการให้บริการลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2/65 จำนวน 14 คัน ขณะที่กำไรปรับตัวสูงขึ้นมาก เนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนบริษัทมีการลงทุนรถให้บริการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี

“ช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงที่มีปัจจัยจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ซึ่งบริษัทมีการบริหารความเสี่ยงในกรณีดังกล่าว เนื่องจากสัญญากับลูกค้าส่วนใหญ่เป็นค่าบริการแปรผันกับราคาน้ำมัน ทำให้สามารถลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้บางส่วน อีกทั้งบริษัทได้พัฒนาเทคโนโลยี Robotic Process Automation (RPA) เพิ่มประสิทธิภาพระบบการเดินรถอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายปี 2565 เติบโต 25% หรือมีรายได้รวมที่ 600 ล้านบาท”

สำหรับทิศทางธุรกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2565 มีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์ดี จากการลงทุนเพิ่มขึ้นของภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ส่งผลให้รถรับส่งพนักงานมีความต้องการมากขึ้น ขณะที่การให้บริการบริหารจัดการการให้เช่าและการเดินรถไฟฟ้า กับบริษัท อีวี มี พลัส จำกัด และบริษัท อรุณ พลัส จำกัด กระแสตอบรับที่ดี โดยบริษัทมีจำนวนรถที่ดูแลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแนวโน้มการใช้รถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทศึกษาการให้บริการรถบัสไฟฟ้าเพิ่มเติม เพื่อนำรถบัสไฟฟ้ามาให้บริการรับส่งพนักงาน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก คาดว่าจะเริ่มให้บริการรถบัสไฟฟ้าฟลีทแรกได้ภายในปีนี้ ถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า และเพื่อเป็นการขยายฐานรายได้ของบริษัทให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

*********

- Advertisement -