บล.เอเซีย พลัส:

ได้อย่าง…ก็ต้องเสียอย่าง

งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 433 ล้านบาท ลดลง 5%YoY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ผลประกอบการถูกกดดันจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นทั้งก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน โดยการใช้กลยุทธ์ปรับเพิ่มราคาขายเฉลี่ยเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น แม้ช่วยรักษา Gross margin ได้ ต้องแลกมาด้วยปริมาณการขายกระเบื้องที่ลดลงกว่า 17%YoY ส่วนการปรับ Product Mixed เพิ่มยอดขายสินค้าพรีเมียมคือกระเบื้องพอร์ซเลนน่าจะส่งผลบวกชัดเจนขึ้นในช่วง 2H65 สำหรับงวด 2Q65 DCC ประกาศจ่ายปันผลอัตรา 0.035 บาท/หุ้น คิดเป็น Payout Ratio 74% กำหนดขึ้น XD 22 ส.ค 65

จุดเด่นเรื่องความคล่องตัวในการบริหารงานให้สอดคล้องกับสภาพตลาด พร้อมแผนการเติบโตที่ชัดเจน ทั้งการออกสินค้าใหม่และหารายได้ในรูปแบบใหม่ ทำให้ DCC ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่อง คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมิน Fair Value อิง Historical Dividend Yield + 0.5% ให้ราคาเหมาะสม 3.37 บาท

งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 432.6 ล้านบาท ลดลง 5%YOY

งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 432.6 ล้านบาท ลดลง 5%YoY ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แรงกดดันกำไรมาจากต้นทุนพลังงานที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการเผากระเบื้องที่มีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 55%YoY ทําให้ DCC ต้องใช้หลายกลยุทธ์ในการปรับเพิ่มราคาสินค้า ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นราคาสินค้ากลุ่มเดิม การเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมียม อย่างกระเบื้องไซด์ใหญ่และกระเบื้องพอร์ซเลน รวมไปถึงการลดการจัดโปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษลง  แม้ส่งผลให้มีราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 16%YoY อยู่ที่ 156 บาท/ตรม. แต่ต้องแลกมาด้วยปริมาณการขายกระเบื้องที่ลดลง 17%YoY เหลือเพียง 12.7 ล้าน ตรม. ไตรมาสนี้ DCC มียอดขายรวม 2,126 ล้านบาท ลดลง 2%YoY และรักษาอัตรา Gross margin 43.7% ใกล้เคียงกับงวด 2Q64 และ 1Q65 ที่ทำได้ 43.6% และ 44.2% ตามลำดับ สำหรับรายได้อื่นลดลง 26%YoY เหลือเพียง 15 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้พื้นที่เช่าที่ลดลงจากการลดอัตราค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือผู้เช่าตามสภาวะเศรษฐกิจ ส่วน SG&A/Sale อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 18.8% จากการเข้าไปดูแลระบบขนส่งอย่างใกล้ชิด เลือกประเภทรถขนส่งและเส้นทางเพื่อให้การขนส่งกระเบื้องมีประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้ง DCC ได้เข้าไปเจรจากับบริษัทขนส่งเพื่อปรับวิธีการคำนวนค่าขนส่งใหม่ ช่วยให้ค่าขนส่งเฉลี่ยต่อกล่องเพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่มาก แม้ว่าราคานั้ามันดีเซลที่ใช้ในการขนส่งวัตถุดิบและสินค้าจะมีราคาปรับขึ้น 30%YoY ก็ตาม สำหรับผลประกอบการ 2Q65 DCC ประกาศจ่ายปันผลอัตรา 0.035 บาท/หุ้น คิดเป็น Payout Ratio 74% กำหนดขึ้น XD วันที่ 22 ส.ค. 65

แรงกดดันด้านต้นทุนยังคงอยู่ แต่น่าจะพอสู้ไหว

ท่ามกลางภาวะต้นทุนพลังงานที่ทรงตัวระดับสูงในช่วง 2H65 ฝ่ายวิจัยเชื่อว่ายังมีความเป็นไปได้ที่ DCC จะสามารถรักษาการเติบโตของรายได้และกำไรไว้ได้ เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำปีก่อนที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด นำไปสู่การล็อกดาวน์กิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยกลยุทธ์ที่ DCC ใช้รับมือต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น ด้วยการปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วง 2H65 น่าจะมุ่งเน้นไปที่การปรับ Product Mixed เพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมียม โดยเฉพาะกระเบื้องพอร์ซเลนให้มากขึ้น มากกว่าการเพิ่มราคาสินค้าในกระเบื้องกลุ่มเดิมที่เห็นผลกระทบขัดเจนจากปริมาณการขายที่ลดลงเมื่อมีการปรับขึ้นราคา เนื่องจากกระเบื้องพอร์ซเลนของ DCC มีราคาขายเฉลี่ย 345 บาท/ตรม. สูงกว่ากระเบื้องเซรามิคทั่วไปที่มีราคาขายเฉลี่ย 156 บาท/ตรม. โดยการเพิ่มลวดลายกระเบื้องพอร์ซเลนจากที่มีเพียง 10 ลายใน 1Q65 จนปัจจุบันมีมากถึง 42 ลาย รวมถึงการออกสินค้ากระเบื้องพอร์ซเลนให้มีหลายขนาดให้เลือก จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น โดย DCC ตั้งเป้าจะเพิ่มสัดส่วนยอดขายกระเบื้องพอร์ซเลนเป็น 10% ของยอดขายรวมภายใน 3 ปี จากปัจจุบันมี สัดส่วนเพียง 1% ของยอดขายรวม

สำหรับแผนการลดต้นทุน จะมีการทยอยติดตั้ง Solar Roof ทั้งหมด 5MW เริ่มจากโรงงาน Tile Top จำนวน 1 MW ในเดือน ก.ค 65 ตามมาด้วยโรงงาน Dynasty และ RCI แห่งละ 2 MW ในปี 2566 เมื่อทำครบ 5 MW จะช่วยลดค่าไฟได้ 35-40 ล้านบาท/ปี ในส่วนของการหาแหล่งรายได้ใหม่ จะเลือกสาขาที่มีศักยภาพสูง อาทิ สาขานครปฐม สาขาแม่ริม และสาขาหาดใหญ่ พัฒนาขึ้นเป็น “DCC Park” โดยมีการดึงพันธมิตรที่เป็นผู้ผลิตสินค้าวัสดุ ก่อสร้าง,ร้านค้า, ร้านอาหาร และมี EV Charge Station เข้ามาร่วม เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาสาขามากขึ้น และทำให้ DCC มีรายได้ค่าเช่าจากผู้เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นด้วย

ราคาเหมาะสม 3.37 บาท ยังให้ UPSIDE ที่น่าสนใจ แนะนำ ซื้อ

ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 2565 ของ DCC ไว้เท่าเดิมที่ 1,753 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%YoY และประเมิน Fair Value อิง Historical Dividend Yield ที่ 5.20% บวกเพิ่มอีก 0.50% เพิ่มเป็น 5.70% เพื่อสะท้อนมุมมองทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นที่นักลงทุนจะคาดหวังผลตอบแทนการลงทุนจากหุ้นปันผลที่สูงขึ้น จะให้ราคาเหมาะสม 3.37 บาท มี Upside 20% คงคำแนะนำ ซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1. การเปลี่ยนแปลงของราคาพืชผลการเกษตรโดยเฉพาะข้าว ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อกําลังซื้อของผู้บริโภคในต่างจังหวัด ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้าสำคัญของ DCC

2. ภาวะอุตสาหกรรมกระเบื้องปูพื้น-บุผนัง ในประเทศที่ยังมีการแข่งขันรุนแรง โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศจีนและอินเดีย

3. การเปลี่ยนแปลงของราคาก๊าซธรรมชาติและไฟฟ้าซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 39% ของต้นทุนการผลิตผันแปร (Operating Variable Cost)

DCC แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 2.80

ราคาเป้าหมาย (บาท) 3.37

Upside (%) 20.34

Dividend yield (%) 6.86

 

- Advertisement -