บล.เอเซีย พลัส:
ผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีนี้ไปแล้ว
กำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+22.2%YoY, -23.3%QoQ) ตามฝ่ายวิจัยคาดการเติบโต YoY ขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของทุกส่วนในธุรกิจ และการรับรู้ผลประกอบการของ Lotus’s เข้ามาตั้งแต่งวด 4Q64 ขณะที่การอ่อนตัว QoQ หลักๆ มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่ลดลง และ SG&A/Sale ที่สูงขึ้น เนื่องจากภาวะวิกฤตเงินเฟ้อและรายจ่ายการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-66 ลง 9.4% และ 13.3% เพื่อสะท้อนผลประกอบการงวด 1H65 แต่ยังคงมุมมองบวกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มกำไรของ MAKRO ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในงวด 2Q65 ไปแล้ว และคาดว่าจะเห็นแนวโน้มกำไรในงวด 3Q-4Q65 จะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ รวมถึงภาพแนวโน้มกำไรใน 1-2 ปีนี้ยังคงดูดี คงคำแนะนำ “ซื้อ”
กำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+22.2%YoY,-23.3%QoQ) MAKRO รายงานกำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (+22.2%YoY, 23.3%QoQ) ตามที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาดการณ์ ซึ่งการเติบโต YoY มาจาก
1) ยอดขายที่สูงขึ้น 116.5%YoY เป็น 1.2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
- รายได้จากธุรกิจค้าส่ง MAKRO อยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท (+10.4%YoY) ขับเคลื่อนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) อยู่ที่ 7.4%YoY และการเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 9 แห่ง (+3%YoY)
- รายได้จากธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่า Lotus’s อยู่ที่ 5.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งยังไม่มีรายได้ดังกล่าวในงวดเดียวกันของปีที่แล้ว
2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ทำได้ดีขึ้นเป็น 14.9% จากเดิม 9.6% เนื่องจากในงวดนี้มีการรับรู้ผลประกอบการของธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่เช่า (Lotus’s) ที่มีมาร์จิ้นสูงเข้ามา เมื่อเทียบกับงวด 2Q64 ที่ยังมีแต่ธุรกิจค้าส่งดั้งเดิมของ MAKRO รวมถึงสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มอาหารสดที่ปรับตัวสูงขึ้น (มาร์จิ้นสูงกว่ากลุ่มอาหารแห้ง)
กำไรที่หดตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา หลักๆ เป็นผลมาจาก Gross Margin ที่ลดลง เป็น 14.9% จากเดิม 15.4% เนื่องจากการปรับราคาสินค้าขึ้นจากต้นทุนที่สูงขึ้น (วิกฤตเงินเฟ้อ) ที่ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด และต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน บวกกับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sale) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 13.5% จากเดิม 13.4% มาจากค่าใช้จ่ายในการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้น, ลงทุนโครงการ MAKNET (แพลตฟอร์มตลาดค้าส่งออนไลน์) และค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงไปหักล้างรายได้ที่เติบโต 6.5%QoQ
เริ่มเห็นการฟื้นตัวของแนวโน้มกำไรตั้งแต่งวด 3Q65 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัยมองว่าแนวโน้มกำไรของ MAKRO ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดในงวด 2Q65 ไปแล้ว คาดจะเริ่มเห็นแนวโน้มกำไรเติบโตทั้ง YoY และ QoQ ในงวด 3065 เป็นต้นไป หลักๆ มาจาก 1) ยอดขายที่ประเมินว่าจะสูงขึ้น สะท้อนได้จากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในเดือน ก.ค. ที่ยังอยู่ในระดับสูงราว 5-8%YoY ซึ่งคาดว่าได้รับผลประโยชน์ทางอ้อมจากนโยบายเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4 ที่เริ่ม 1 ก.ค. ที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนกลับมาจับจ่ายใช้สอยกับกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารรายย่อยมากขึ้น และคาดว่า SSSG จะยังคงสูงต่อเนื่องไปถึงงวด 4Q65 ที่เป็นช่วง High Season ของกลุ่มค้าปลีกฯ (ช่วงที่มีการท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุด) 2) อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ที่คาดว่าจะทำได้ดีขึ้น เนื่องจากกลุ่มลูกค้า HORECA ที่มีมาร์จิ้นสูง (คิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของรายได้รวม) เริ่มกลับมาสูงขึ้นตามภาพการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว 3) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sale) ที่คาดว่าจะน้อยลง เนื่องจากการรีแบรนด์ของ Lotus’s ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในงวด 3Q65 ซึ่งคาดว่าจะทำให้ SG&A ลดลงได้ในช่วง 2H65
ปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลดลงราว 9.4% และ 13.3%
เนื่องจากกำไรในช่วง 1H65 มีสัดส่วนเพียงราว 38.1% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ฝ่ายวิจัยจึงต้องปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ลดลงจากเดิมราว 9.4% และ 13.3% เป็น 8.6 พันล้านบาท (+20%YoY) และ 1.3 หมื่นล้านบาท (+56.6%YoY) ตามลำดับ โดยสมมติฐานที่เปลี่ยนแปลงคือ
1) ปรับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ในปี 2565-66 ให้ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 15.8% และ 16.3% เป็น 15.5% และ 15.8% ตามลำดับ (ช่วง 1H65 มีสัดส่วนราว 15.1%) เนื่องจากการปรับราคาสินค้า (วิกฤตเงินเฟ้อ) ทำได้น้อยกว่าฝ่ายวิจัยคาด และต้นทุนค่าขนส่งที่ยังคงยืนสูงจากวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน
2) ปรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A/Sale) ในปี 2565-66 ให้สูงขึ้นจากประมาณการเดิม ราว 0.1% และ 0.3% เป็น 13.8% และ 13.4% ตามลำดับ (ช่วง 1H65 มีสัดส่วนราว 13.5%) เพราะค่าใช้จ่ายลงทุนโครงการ MAKNET (แพลตฟอร์มตลาดค้าส่งออนไลน์), การรีแบรนด์และค่า Renovation ของธุรกิจ Lotus’s ที่มีแนวโน้มสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยคาดการณ์
ภายใต้ประมาณการใหม่ ราคาเป้าหมายปี 2565 ปรับลดจากเดิม 46 บาท เหลือ 43 บาท ยังมี Upside เหลืออีก 26.5% ประกอบกับฝ่ายวิจัยยังคงมุมมองบวกกับ MAKRO ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ทีมองว่าแนวโน้มกำไรผ่านจุดต่ำสุดในงวด 2Q65 ไปแล้ว และประเมินว่าจะเห็นแนวโน้มกำไรในงวด 3Q-4065 เติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ รวมถึงภาพแนวโน้มกำไรใน 1-2 ปีข้างหน้ายังคงดูดี คาดเติบโต 20% ในปี 2565 และเพิ่มขึ้นอีก 56.6% ในปี 2566 จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ประเด็นความเสี่ยงของธุรกิจ
1) เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และกำลังซื้อที่ลดลง
2) การแข่งขันที่สูงในอุตสหกรรม
3) การแย่งลูกค้ากันเองของสาขาที่เปิดบริเวณใกล้เคียงกัน
MAKRO แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 34.0
ราคาเป้าหมาย (บาท) 43.0
Upside (%) 26.5
Dividend yield (%) 1.8