บล.เอเซีย พลัส:
2Q65 กําไรฟื้นตัวดีกว่าคาด และคาดโตต่อใน 3Q65
GPSC รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 พลิกกลับมาฟื้นตัวมีนัยฯ 118.3%qoq มาอยู่ที่ 683.8 ล้านบาท หนุนหลักจากกำไรปกติที่เพิ่มขึ้นถึง 415.8%qoq มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท จากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น หลังจาก GLOW Energy phase 5 กลับมาเดินเครื่องได้เต็มไตรมาส และเก็คโค่วัน หยุดซ่อมบำรุงนอกแผนน้อยลง รวมถึงส่วนแบ่งกำไร XPCL ที่ปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาล 3Q65 คาดกำไรปกติเติบโตต่อเนื่อง QoQ จากการเข้าสู่ช่วง peak ของ XPCL การรับรู้ปันผล RPCL และการปรับขึ้นค่า ft.
ปรับลดประมาณการกำไรปี 65-66 ลง ส่งผลให้ FV ใหม่ภายใต้วิธี DCF อยู่ที่ 80 บาท/หุ้น (เดิม 82.5) ทิศทางกำไรคาดจะทยอยปรับตัวดีขึ้นต่อจากนี้ หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดของปีใน 1Q65 มาแล้ว รวมถึงระยะยาวยังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ถึงแม้ในรอบเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปแล้วกว่า 15% สะท้อนคาดการณ์การปรับขึ้นค่า ft. อย่างไรก็ตาม ราคาปัจจุบันยังเหลือ upside ราว 12% จึงคงคำแนะนำให้หาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว
2Q65 กำไรสุทธิ และกําไรปกติ ฟื้นตัวมีนัยฯ QoQ
GPSC รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 พลิกกลับมาฟื้นตัวมีนัยฯ 118.3%qoq มาอยู่ที่ 683.8 ล้านบาท และดีกว่าคาด โดยส่วนแตกต่างหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานปกติที่เพิ่มขึ้นถึง 415.8%qoq มาอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท หนุนหลักจากกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น 112.2%qoq มาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าโดยรวมปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 1.7%qoq มาอยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท จากราคาขายไฟฟ้าที่ปรับขึ้นตามการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ft) ขณะที่ปริมาณขายไฟฟ้าโดยรวมยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม QoQ อีกทั้งโรงไฟฟ้า GLOW Energy phase 5 กำลังการผลิต 328 MWe กลับมาเดินเครื่องได้เต็มไตรมาส เทียบกับงวด 1Q65 ที่กลับมาเดินเครื่องได้เพียง 22 วัน และโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนงานลดลงเหลือ 13 วัน จาก 18 วัน ในงวดก่อนหน้า รวมถึงทุนก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยในโรงไฟฟ้า SPP ปรับตัวลงเล็กน้อย 0.7%qoq มาอยู่ที่ 432 บาท/ล้าน บีทียู ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.4% จาก 2.6% ในงวด 1Q65
นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ไม่รวมรายการพิเศษที่เพิ่มขึ้น 327.1%qoq มาอยู่ที่ 609.2 ล้านบาท หนุนหลักจากผลประกอบการของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (XPCL) ที่ผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นตามการเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนในช่วงปลาย 2Q65 และ solar India (AEPL) ที่รับรู้เป็นกำไร 23 ล้านบาท จากงวด 1Q65 ที่เป็นผลขาดทุน 2 ล้านบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงกดดันจากเงินปันผลรับของบริษัทราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด (RPCL) ลดลง 90.0%qoq เหลือเพียง 3.0 ล้านบาท เนื่องจากงวดการจ่ายปันผลหลักของโรงไฟฟ้า ดังกล่าวจะจ่ายในช่วงไตรมาส 1 และ 3 ของทุกปี อีกทั้งค่าใช้จ่าย SG&A ปรับตัวขึ้น 8.8%qoq มาอยู่ที่ 457.5 ล้านบาท จากค่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อการลงทุนและพัฒนาธุรกิจที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวขึ้น 7.4%qoq มาอยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท จาก การออกหุ้นกู้ของทางบริษัทฯ ในช่วงเดือน มิ.ย. 2565
ในส่วนของรายการพิเศษ มีการบันทึกกลับเป็นผลขาดทุนที่ 593.1 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) กำไรหลังภาษีจากการจำหน่ายสินทรัพย์ในธุรกิจแบตเตอรรี่ให้บริษัทนูออโว พลัส จำกัด 288.0 ล้านบาท 2) ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์สุทธิ GLOW 520.0 ล้านบาท 3) ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการเข้าซื้อกิจการ Avaada Energy Private Limited (AEPL) โดยรับรู้ยอดสะสมย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 64 – มิ.ย. 65 177 ล้านบาท และ 4) ผลขาดทุน Fx และ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงินสุทธิ 184.1 ล้านบาท เทียบกับงวด 1Q65 ที่บันทึกเป็นกำไร 65.7 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) กำไรจากการขายโรงไฟฟ้าอิจิโนเซกิ ประเทศญี่ปุ่น 592 ล้านบาท 2) ค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์สุทธิ GLOW 458.0 ล้านบาท 3) ขาดทุน Fx และ การวัดมูลค่าเครื่องมือทางการเงินสุทธิ 68.3 ล้านบาท
โดยรวมแล้วกำไรปกติช่วง 1H65 คิดเป็น 26.2% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี 2565 เดิมที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ปรับลดประมาณการกำไรปี 65-66… 3Q65 คาดกําไรเติบโต QoQ
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2565-66 ลง 17.3% และ 3.7% จากเดิมมาอยู่ราว 4.8 พันล้านบาท และ 7.4 พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อสะท้อนราคาราคาต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องในช่วง 1H65 จากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าที่เคยประเมินไว้ และอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ft.) ที่ปรับเพิ่ม แบบขั้นบันไดในปี 2565 ตามต้นทุนราคาพลังงาน โดยฝ่ายวิจัย
1) ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติเฉลี่ยปี 2565 ของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ของ GPSC ขึ้นมาอยู่ที่ 460 บาท/ล้านบีทียู จากเดิม 390 บาท/ล้านบีทียู ขณะที่ปี 2566-67 อยู่ที่ 400 และ 300 บาท/ล้านบีทียู จากเดิมที่ 350 และ 275 บาท/ล้านบีทียู ตามลำดับ ตามสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2565 ที่ 100 เหรียญ ฯ/บาร์เรล, ปี 2566 อยู่ที่ 90 เหรียญ/บาร์เรล, และระยะยาวตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอยู่ที่ 75 เหรียญ/บาร์เรล
2) ปรับเพิ่มสมมติฐานราคาขายไฟฟ้าในปี 2565-66 ของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ของ GPSC ขึ้นมาอยู่ที่ 3.5 บาท/หน่วย จากเดิม 3.4 บาท/ หุ้น เพื่อสะท้อนการปรับขึ้นค่า ft. เฉลี่ยทั้งปี 2565 ที่คาดจะเพิ่มขึ้นอีก 39.9 สตางค์/หน่วย จากในปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อย และระยะยาวปี 2567 เป็นต้นไปลดลง มาอยู่ที่ 3.3 บาท/หน่วย ตามราคาก๊าซฯที่คาดจะเริ่มทยอยปรับตัวลดลงตามราคานํ้ามันดิบในตลาดโลก
ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้กำไรปกติปี 2565 คาดจะปรับตัวลดลง 37.9%yoy แม้จะมีปัจจัยหนุนจากการเดินเครื่องของโรงไฟฟ้า GLOW Energy phase 5 ได้มากขึ้น และการรับรู้โครงการ Avaada 946.6 MWe ได้เต็มที่ทั้งปี อีกทั้งคาดจะทยอย COD เพิ่มเติม ราว 184.2 MWe ในปีนี้ก็ตาม ขณะที่ในปี 2566 คาดกำไรปกติจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวราว 53.9%yoy หนุนหลักจากโครงการ ERU 250 MWe และราคาต้นทุนก๊าซฯ ที่คาดจะเริ่ม ปรับตัวลดลง ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นสู่สภาวะปกติ
ช่วงสั้น 3Q65 คาดกำไรสุทธิจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง QoQ หนุนหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่คาดจะเพิ่มขึ้นตามการเข้าสู่ช่วง High season ของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) และแรงหนุนบางส่วนจากรายได้ปันผลรับ RPCL รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้น จะปรับตัวดีขึ้น QoQ จากคาดการณ์ค่า ft.รอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 จะปรับขึ้นอีกราว 68.7 สตางค์/หน่วย อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงจากขึ้นค่า ft ที่อาจต่ำกว่าคาด เนื่องจากยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในปัจจุบัน รวมถึงต้นทุนพลังงานทั้งก๊าซฯ และถ่านหินที่ยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องใน 3Q65
มูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 65 อยู่ที่ 80 บาท/หุ้น เน้นหาจังหวะทยอยสะสมลงทุน
ภายใต้ประมาณการใหม่ ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานปี 2565 ของ GPSC ภายใต้การประเมิน ด้วยวิธี DCF (WACC 5.7%) อยู่ที่ 80.0 บาท/หุ้น (เดิม 82.5) ช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 15% ในรอบ 2 เดือน สอดรับการคาดการณ์ปรับขึ้นค่า ft.ในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 65 และผลประกอบการที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจากผ่านพ้นจุดต่ำสุดในช่วง 1Q65 มาแล้ว อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside กว่า 12% จึงคงคำแนะนำซื้อ โดยเน้น หาจังหวะทยอยสะสมลงทุนระยะยาว
ESG
Environment : ปฏิบัติตามกฎหมายด้านคุณภาพ ความมั่นคง ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม รวมถึงข้อกำหนดขององค์กร และมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
Social : จัดตั้งบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (SPSE) เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจการด้านวิสาหกิจเพื่อสังคม ในการร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม และส่งเสริมสนับสนุนการจ้างงานชุมชนในท้องถิ่น ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
Governance : ปฏิบัติตามหลักการกากับกิจการที่ดี ให้เป็นที่ยอมรับของผู้มีส่วนได้เสีย โดยได้รับ CG report rating ในระดับที่ดีเลิศ
GPSC แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 71.25
ราคาเป้าหมาย (บาท) 80.0
Upside (%) 12.3
Dividend yield (%) 1.6