บล.เอเซีย พลัส:
กำไรทยอยฟื้นตัว…แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ
กำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 39% qoq (แต่ลดลงถึง 38% yoy) เนื่องจากยอดขายที่ฟื้นตัวในช่วง High season ของบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่ม ขณะที่ Gross margin งวด 2065 ฟื้นตัวจากการทยอยปรับราคาขายขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และผลบวกจากการประหยัดต่อขนาด
คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 22% yoy มาอยู่ที่ 87 ล้านบาท จากแนวโน้ม Gross margin ปรับลดลงจากราคาต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าแนวโน้มรายได้รวมจะเติบโต 14% yoy เบื้องต้นคาดกำไรปกติงวด 3Q65 จะฟื้นตัว qoq (แต่ลดลง yoy) จากแนวโน้มรายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ทั้งราคาต้นทุนวัตถุดิบฟิล์มที่ยังทรงสูงต่อเนื่อง และความกังวลเงินเฟ้อที่อาจทำให้ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อได้ในงวด 2H65 จึงยังแนะนำ Switch
กำไรสุทธิ 2Q65 พื้นตัว แต่ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ
กำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 23 ล้านบาท สูงกว่าคาด 11%) เพิ่มขึ้นถึง 38.8% qoq (แต่ลดลงถึง 37.7% yoy) โดย SFT รับรู้กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 2 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรปกติงวด 2Q65 อยู่ที่ 21 ล้านบาท ตามคาด เพิ่มขึ้นถึง 37.5% qoq (แต่ลดลงถึง 35.6% yoy) จาก
1) รายได้รวมงวด 2Q65 ฟื้นตัว 10.4% qoq และ 0.5% yoy มาที่ 221 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วง High season ของบรรจุภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มในฤดูร้อน (สัดส่วน 59% ของรายได้รวม) รวมถึงการที่ลูกค้าทยอยออกสินค้าใหม่ๆตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว
2) Gross margin งวด 2Q65 อยู่ที่ 25.1% เพิ่มขึ้นจาก 23.3% ในงวด 1Q65 จากการทยอยปรับเพิ่มราคาขายได้มากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับราคาวัตถุดิบฟิล์มที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีการประหยัดต่อขนาด (Economies of Scale) สอดคล้องกับปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น
และ 3) สัดส่วนค่าใช้จ่าย SG&A/Sales งวด 2Q65 ลดลงมาที่ 12.6% จากงวดก่อนที่ 13.0% จากการประหยัดต่อขนาด แม้มีค่าใช้จ่ายสำหรับการออกงานแสดงสินค้าและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการวิจัยผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นบ้าง
โดยรวมแล้ว กำไรสุทธิงวด 1H65 เท่ากับ 40 ล้านบาท ลดลงถึง 39.2% yoy คิดเป็น 46% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ ขณะที่กำไรปกติงวด 1H65 เท่ากับ 36 ล้านบาท ลดลงถึง 35.7% yoy คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้
ทิศทางกำไรปี 2565 ยังถูกกดดันจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้น
คงประมาณการ คาดกำไรสุทธิปี 2565 จะลดลง 22.3% yoy มาอยู่ที่ 87 ล้านบาท ในขณะที่คาดกำไรปกติปี 2565 จะลดลง 10.5% yoy จากแนวโน้ม Gross margin ปรับลดลงมาที่ 24.8% จาก 28.4% ในปี 2564 กดดันจากราคาต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น หักล้างแนวโน้มรายได้รวมปี 2565 เติบโต 13.7% yoy มาที่ 902 ล้านบาท ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปได้ทั้งหมด
ขณะที่คาดกําไรสุทธิปี 2566 จะพลิกกลับมาเติบโตถึง 31.1% yoy จากแนวโน้มรายได้รวมจะเติบโตต่อเนื่อง 11.8% yoy และคาดแนวโน้มราคาวัตถุดิบจะทยอยปรับลดลง หนุนแนวโน้ม gross margin ฟื้นตัว
ในเบื้องต้น คาดกำไรปกติงวด 3Q65 จะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง qoq (แต่ลดลง yoy จากฐานที่สูง) จากแนวโน้มรายได้รวมเติบโตต่อเนื่อง และคาด Gross margin จะทรงตัวใกล้เคียงงวด 2Q65
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ทั้งราคาต้นทุนวัตถุดิบฟิล์มที่ยังทรงสูงต่อเนื่อง จะกดดันแนวโน้มประสิทธิภาพการทำกำไรให้ฟื้นตัวล่าช้า และความกังวลเงินเฟ้อที่อาจทำให้ลูกค้าชะลอค่าสั่งซื้อได้ในงวด 2H65
ผลประกอบการยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ…แนะนํา SWITCH
กำหนด FV ปี 2565 ที่ 5.10 บาท อิง PER เฉลี่ยของกลุ่ม Packaging และกลุ่มอาหาร เครื่องดื่มที่ 26 เท่า โดยฝ่ายวิจัยยังแนะนำ Switch เนื่องจากประเมินว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานยังฟื้นตัวล่าช้าในงวด 2H65
ประเด็นความเสี่ยง
1) ความผันผวนราคาวัตถุดิบตั้งต้นหลักอย่าง “ฟิล์ม” ซึ่งขึ้นลงผันผวนตามน้ำมันดิบ, LLDPE, Caprolactam โดยหากต้นทุนฟิล์มสูงขึ้นจะกดดันประสิทธิภาพการทำกำไรของ SFT
2) ความผันผวนของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง จะกดดันแนวโน้มกำไรสุทธิของ SFT
SFT แนะนํา SWITCH
ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.78
ราคาเป้าหมาย (บาท) 5.10
Upside (%) 6.7
Dividend yield (%) 1.7