TSTH ลดเกรดคำแนะนำลงเป็น ขาย จากเดิม ถือ 

ผลประกอบการ 1Q64/65

TSTH ประกาศผลประกอบการ 1Q64/65 (เม.ย.-มิ.ย.2564) มีกำไรท่ีสูงเด่นถึง 847 ล้านบาท (+109%QoQ, +1,455%YoY) ผลประกอบการได้แรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่พุ่งขึ้นตามราคาเหล็กในตลาดโลกสู่ระดับ 22,809 บาท/ตัน (+17%QoQ, +48%YoY) และปริมาณขายที่เติบโตจากปีก่อน 346,000 ตัน (-5%QoQ,+16%YoY) รวมแล้วทำให้มูลค่ายอดขายพุ่งขึ้นเป็น 7,892 ล้านบาท (+11%QoQ, +72%YoY) การท่ีราคาปรับขึ้น ในขณะที่ TSTH มีสต้อกประมาณ 1.5-2 เดือนทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพพุ่งขึ้นเป็น 13.2% จาก 10.5% ในไตรมาสก่อนและ 5.4% ในปีก่อน

แนวโน้มผลประกอบการ

จากการสอบถามเอเย่นต์ขายเหล็กเส้นพบว่า ราคาขายเหล็กเส้นหน้าโรงงานขนาด SD- 40T 16 มม. เดือน ก.ค. 2564 ปรับลดลงเหลือประมาณ 22,000 บาท/ตัน โดยราคาเหล็กเส้นได้ขึ้นไปสูงสุดที่ 26,400บาท/ตัน เมื่อวันที่ 1มิ.ย. หลังจากนั้นก็ทรุดลงต่อเนื่องเทียบกับเดือน เม.ย. – มิ.ย. 2564 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 22,809 บาท/ตันในขณะท่ีข้อมลูจากสถาบันเหล็กพบว่าราคาต้นทุนเศษเหล็กในประเทศเฉลี่ยเดือน เม.ย.–มิ.ย.ปรับขึ้นเป็น 15,183 บาท/ตัน (+17%QoQ) คาดจะทำให้ผลประกอบการ 2Q64/65 ( ก.ค. – ก.ย. 2564) มีโอกาสจะพลิกมาขาดทุนจากกำไร 1Q64/65 ที่โดดเด่นอย่างมาก เราปรับประมาณการเพิ่มขึ้นอีก คาดกำไรปี 2564/65 (เม.ย. 2564 – มี.ค.2565) เท่ากับ 1,226 ล้านบาท โต 94% ส่วนปีหน้า 2565/66 คาดกำไรจะลดเหลือ 896 ล้านบาท ลดลง 27%YoY

คําแนะนําการลงทุน

เราประเมินราคาเป้าหมายโดยอิงกับมูลค่าตามบัญชีต่อหุ้นได้เท่ากับ 1.32 บาท เพิ่มจากเดิม 1.20 บาท จากประมาณการท่ีปรับเพิ่มขึ้นเทียบกับหุ้นกลุ่มเหล็กชั้นนำของโลกจะมีค่า Median P/BV เท่ากับ 0.83 เท่าส่วน TSTH มี P/BV 1.3 เท่า ราคาหุ้นปัจจุบัน 1.72 บาท พุ่งขึ้นจากต้นปีถึง 157%YTD และสูงกว่าราคาเป้าหมายเรา ดังนั้นเราลดเกรดคำแนะนำลงเป็น ขาย จากเดิม ถือ

ความเสี่ยง: ราคาเหล็กผันผวน, อุตสาหกรรมเหล็กยังล้นตลาด, ความต้องการยังไม่แน่นอน