บล.พาย:
JASIF: กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์ อินเทอร์เน็ต จัสมิน “กำไรปกติ 2Q22 ยังทรงตัว”
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 8.80 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC=8.02%, g=0%) กำไรปกติ 2Q22 อยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท (ทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ) สืบเนื่องจากรายได้ที่ทรงตัวตามสัญญาที่ทำกับ TTTBB แต่การที่ JAS กำลังพิจารณาขายหน่วยลงทุน 19% ใน JASIF ให้กับ ADVANC รวมถึงแผนการยกเลิกและแก้ไขสัญญาระหว่าง TTTBB และ JASIF อาจทำให้อัตราการจ่ายเงินปันผลลดลงราว 30% ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
กำไรปกติ 2Q22 ยังทรงตัว สอดคล้องคาดการณ์
- กำไรสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (-32% YoY, -13% QoQ) เพราะผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์
- หากไม่รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์จำนวน 800 ล้านบาท กำไรปกติ 2Q22 จะทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ ที่ 2.2 พันล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการ โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ที่ทรงตัว YoY และ QoQ ที่ 2.5 พันล้านบาท
- มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ต่อหน่วยลดลงเหลือ 11.0253 บาท ประกาศจ่ายเงินปันผลต่อหุ้น (DPS) ระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 2Q22 ที่ 0.23 บาท ขึ้น XD วันที่ 19 ส.ค. 2022
ภาพรวมกลางๆ ใน 2H22
- คาดกองทุนจะได้รับรายได้ค่าเช่าจำนวนเท่าเดิม และยังจ่ายเงินปันผลระดับเดิมต่อไปอีกในช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้า
- แต่การที่ ADVANC มีแผนยกเลิกสัญญารับประกันค่าเช่า จะทำให้กระแสรายได้ต่อ JASIF หายไป 30% ในทันที และจะส่งผลให้อัตราการจ่ายเงินปันผลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- สัญญาเช่าหลักก็จะมีการแก้ไขด้วยเช่นกัน แต่ผลกระทบจากส่วนนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นทันที
- แนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนใน JASIF ก็ต่อเมื่อข้อตกลงดังกล่าวมีความชัดเจนมากขึ้น หลังการประชุมผู้ถือหน่วยในวันที่ 23 ก.ย. 2022
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 8.80 บาท
คงคำแนะนำ “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 8.80 บาท คำนวณด้วยวิธีคิดลดเงินสด (DCF) (WACC=8.02%, g=0%) คำแนะนำถือสะท้อนรายได้ กำไร และเงินปันผลที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป (เกือบ 30% จาก ปัจจุบัน) สืบเนื่องจากแผนการเข้าซื้อ TTTBB และหุ้น 19% ใน JASIF โดย ADVANC
สรุปผลประกอบการ 2Q22
- กำไรสุทธิ 2Q22 อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (-32% YoY, -13% QoQ) เพราะผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์
- หากไม่รวมขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินทรัพย์จำนวน 800 ล้านบาท กำไรปกติ 2Q22 จะทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ ที่ 2.2 พันล้านบาท สอดคล้องกับประมาณการ โดยมีสาเหตุมาจากรายได้ที่ทรงตัว YoY และ QoQ ที่ 2.5 พันล้านบาท
- กำไรและรายได้ที่โตเล็กน้อย YoY เป็นผลจากอัตราค่าเช่าที่สูงขึ้นตามดัชนีราคาผู้บริโภคของไทย (CPI) ที่เพิ่มขึ้น +1.23% ณ วันที่ 5 ม.ค. 2022
- อัตรากำไรปกติยังแข็งแกร่งและทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ ที่ 85%
- NAV ต่อหน่วยลดลงเหลือ 11.0253 บาท
กําลังพิจารณาดีล
- วันที่ 4 ก.ค. 2022 JAS ชี้แจงต่อ SET ว่า ADVANC กำลังพิจารณาซื้อหุ้น 99.99% ของ TTTBB และหน่วยลงทุน 19% ของ JASIF ที่ราคา 8.50 บาท คิดเป็นเงินทั้งหมดที่ 3.2 หมื่นล้านบาท คาดว่าดีลจะแล้วเสร็จช่วง 1Q23
- ในกรณีนี้สัญญาประกันค่าเช่าฉบับปรับปรุงที่ระบุอัตราค่าเช่าระดับสูงที่ 770 บาท/กม./เดือน จะถูกยกเลิกและอาจกระทบการสร้างรายได้ 30% ของ JASIF ตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
- สัญญาเช่าหลักที่เดิมที่จะสิ้นสุดลงในปี 2032 จะได้รับการต่ออายุไปเป็นปี 2037 ซึ่งไม่น่าดึงดูดสำหรับ JASIF เท่าใด เพราะอัตราค่าเช่าจะลดลงราว 21% เหลือ 402.37 บาท/คอร์กม./เดือน ในปี 2032 หลังจากแตะ 520 บาท/คอร์กม./เดือน ในปี 2031
ทางออกอื่นที่อาจเกิดขึ้น
- แม้ ADVANC อ้างว่าจะช่วยสร้างมูลค่าให้กับกองทุนมากขึ้น แต่ยังมีคำถามว่าผู้ถือหน่วย JASIF จะยินยอมเงื่อนไขเหล่านี้หรือไม่ เพราะผู้บริหาร ของ ADVANC กล่าวชัดว่าจะไม่ผ่อนปรนดีลไปมากกว่านี้ กรณีที่ดีลนี้ไม่เกิดขึ้นจะกลับไปยึดมูลค่าพื้นฐานเดิมที่ 12.10 บาท
- 20% ของสินทรัพย์ JASIF จะยังดำรงอยู่หลังดีลนี้ คาด ADVANC จะขอเช่าในอัตราค่าเช่าเดียวกันกับเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงที่เหลือ 80% (436 บาท/คอร์กม./เดือน) ถ้าเป็นเช่นนั้นการปรับลดลงของรายได้ของกองทุนจะอยู่ที่ราว 13% และถือเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าสะสม JASIF ในระดับราคาปัจจุบัน
Revenue breakdown
รายได้ 100% มาจากรายได้ค่าเช่าสายใยแก้วนำแสงจากประเภทสัญญาเช่า 2 แบบ หลังจากดีลใหม่จะมีเพียงสัญญาเช่าหลักเท่านั้นที่มีผล
- 80% ของสายใยแก้วนำแสงอยู่ในรูปแบบสัญญาเช่าหลัก ด้วยอายุสัญญา 11 ปี สิ้นสุดในปี 2032 ค่าเช่าที่ 436 บาท/กม./เดือน ตามดีลใหม่ สัญญาส่วนนี้จะได้รับการขยายไปถึงปี 2037