บล.บัวหลวง:
Muangthai Capital (MTC TB/MTC.BK)
MTC – กำไรเป็นไปตามที่เราคาด
ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราคาด
MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 1.38 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.7% YoY และ 0.4% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด อ้างอิงจาก Bloomberg กำไรก่อนการตั้งสำรองอยู่ 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.4% YoY และ 18.8% QoQ ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 47.0% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 5.9 พันล้านบาท
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
สินเชื่อโดยรวมเติบโต 8.9% QoQ และ 34.5% YoY ในไตรมาส 2/65 หนุนโดยการขยายสาขา ขณะที่ NIM อยู่ที่ 15.6% ลดลง 122bps YoY และ 12bps QoQ MTC ตั้งสำรองอยู่ที่ 524 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65 เพิ่มขึ้น 280.3% YoY และ 209.9% QoQ โดยสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 1.96% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2565 เพิ่มขึ้นจาก 1.65% เมื่อสามเดือนก่อน ทั้งนี้อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญฯ ของ MTC ลดลงมาเหลือ 96% จาก 113% ณ สิ้นเดือน มี.ค 2565 ในไตรมาสนี้รายได้ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 185 ล้านบาท ลดลง 6.6% YoY แต่เพิ่มขึ้น 23.9% QoQ (รายได้จากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อที่สูงขึ้น QoQ)
แนวโน้ม
ปัจจุบันเราคาดกำไรไตรมาส 3/65 จะเติบโต 24% YoY และ 8% QoQ หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงประมาณการกำไรปี 2565 ที่ 5.9 พันล้านบาท เติบโต 19% YoY ไม่เปลี่ยนแปลง การเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่ง (ปัจจุบันเราคาดโต 25% จากก่อนหน้าเราคาดโตเพียง 20% เมื่อต้นปีนี้) น่าจะกลบ \ผลกระทบการตั้งสำรองฯ ที่เพิ่มขึ้นไม่มากก็น้อย (ปัจจุบันเราคาดต้นทุนสินเชื่อปี 2565 ที่ 139bps; ก่อนหน้านี้เราคาดเพียง 120bps)
คําแนะนํา
เราแนะนำ “ซื้อ” อ้างอิงจากการเติบโตของธุรกิจที่แข็งแกร่ง (แม้เราคาด NIM จะปรับตัวลงเล็กน้อย YoY ในปี 2565) คุณภาพสินทรัพย์ควรจะปรับตัวดีขึ้นในปลายปีนี้ เมื่ออัตราเงินเฟ้อแตะระดับสูงสุดและราคาน้ำมันผ่อนคลายลงแต่โดยรวมยังคงมี downside จากการตั้งสํารองจากผลกระทบเงินเฟ้อ
MTC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
What’s new?
เราได้เข้าร่วมประชุมนักวิเคราะห์กับทางผู้บริหารโดย message ออกมาลบเล็กน้อยต่อประมาณการของเราแม้ยังคงมั่นใจสินเชื่อโตตามเป้าและยังดีในครึ่งปีหลัง แต่คุณภาพสินทรัพย์ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่
Highlights:
- ผู้บริหารยังคงเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโตเท่าเดิมที่ 30-35% (สูงกว่าประมาณการเติบโตของเราที่ 25% YoY) โดยเป็นการเติบโตของทั้งกลุ่มรวมทั้งสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซค์ และสินเชื่อ buy now pay later
- ผู้บริหารย้ำ Yield ในปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดเรียบร้อยแล้วใน 2Q22 (อยู่ที่ 18.25% ลดลงมาจากไตรมาสก่อนซึ่งก่อนหน้านี้มองน่าจะต่ำสุดแล้วตั้งแต่ 1Q22 หลักๆมาจากการลดราคาจากการแข่งขัน) โดยมองว่าการขึ้นราคายังคงต้องพิจารณาจากแนวโน้มคุณภาพสินทรัพย์และการแข่งขันของตลาดและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม
- ในขณะที่ cost/income ratio ยังคงตั้งเป้าอยู่ที่ 48-50% โดยใน 2Q22 ลดลงอยู่ที่ราวๆ 46% หลักๆจากการเปิดสาขาขนาดเล็กลงรวมทั้งสินเชื่อต่อสาขาที่เติบโตขึ้น และจำนวนคนต่อสาขาที่ลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่าย incentive ที่ลดลงจากการยอดเก็บหนี้ที่ต่ำลง
- ผู้บริหารคาด NPL/Loan ratio ปรับเพิ่มขึ้นจากไม่เกินระดับที่ 2% เป็น ไม่เกิน 2.5-3.0% (อิงตามอัตราของธนาคารพาณิชย์) โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มสินเชื่อจากความไม่แน่นอนของผลกระทบเงินเฟ้อ รวมทั้งการจัดชั้นลูกหนี้ที่ส่วนใหญ่เป็นมาตรการสีส้ม แต่โดยรวมจะบริหารจัดการรัดกุมมากขึ้นเร่งรัดลูกหนี้แต่ละชั้นก่อนการตกชั้นดังนั้นมอง NPL ปรับตัวเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงในไตรมาสถัดไป ในขณะที่ credit cost คาดปรับตัวสูงขึ้นจากการขายลูกหนี้ใน 2Q22 ราวๆ 300 ล้านบาท โดยมองว่า credit cost ในครึ่งปีหลังจะใกล้เคียงกับ2Q22 (ที่ 1.95%) ซึ่งยังคงมีการขายอย่าง ต่อเนื่องในครึ่งปีหลังพร้อมทั้งความเสี่ยงของคุณภาพสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น โดยยังคงเป้า loan loss coverage ratio ที่ 100+/-
- มองการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้น 5-8% ช่วยการเก็บหนี้ได้เล็กน้อย(แบบไม่มีนัยยะสำคัญ)
View From Fundamental:
เรามองเป็นลบเล็กน้อยต่อประมาณการของเราแม้ปีนี้สินเชื่อยังคงเติบโตสูงกว่าเราค่อนข้างมากแต่โดยรวมเรามองการปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวลงจากความรัดกุมในการปล่อย (เพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อคุณภาพสินทรัพย์ที่แย่ลง) รวมทั้งความเสี่ยงต่อคุณภาพสินทรัพย์ในครึ่งปีหลังจากความไม่แน่นอนของเงินเฟ้อ โดยรวมเรามองยังคงมี downside จากการตั้งสำรอง แต่จากราคาที่ลดลงหลังจากการประกาศผลดำเนินงานที่ผ่านมา เรามองว่าราคาได้สะท้อนปัจจัยลบไปพอสมควรแล้ว ดังนั้นยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”