บล.บัวหลวง:

Jasmine Broadband Internet Infrastructure Fund (JASIF TB/JASIFU.BK)

JASIF – กำไรหลักตามคาด; ได้ประโยชน์ชัดเจนจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น

กําไรหลักและเงินปันผลต่อหน่วยเป็นไปตามคาด

JASIF รายงานก่าไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 1.41 พันล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหน่วยที่ 0.18 บาท (ลดลง 32% YoY และ 13% QoQ) หากไม่รวมผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จริงจากการตีมูลค่าสายไฟเบอร์ออฟติกใหม่ (OFC) 800 ล้านบาท ในไตรมาส 2/65 กําไรหลักหรือเงินที่เหลือสําหรับจ่ายปันผลในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.21 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และทรงตัว QoQ รายการพิเศษขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จริงในไตรมาส 2/65 ไม่ได้นำเอามาคํานวนเงินปันผลต่อหน่วย กําไรสุทธิต่ำกว่าที่เราคาด 36% เนื่องจากผลขาดทุนที่ยังไม่ได้รับรู้จริงข้างต้น แต่กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด JASIF ประกาศจ่ายเงินปันผลต่อหน่วยสําหรับไตรมาส 2/65 ที่ 0.23 บาท/หน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 83.2% (ของกำไรหลัก) ซึ่งถือว่าเป็นไปตามที่เราคาดก่อนหน้าที่ 0.23 บาท/หน่วย และถือว่าจํานวนเท่ากับในไตรมาส 1/65

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่เติบโตเล็กน้อย YoY ได้รับปัจจัยหนุนจาก 1) อัตราค่าเช่าที่เติบโต 1.23% ซึ่งอิงกับอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ที่ 1.23% และ 2) ภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง เนื่องจากการคืนเงินกู้ระยะยาวจํานวน 800 ล้านบาท ไปในปี 2564 และจํานวน 525 ล้านบาทในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 (หรือจํานวน 263 ล้านบาทต่อไตรมาสในปี 2565) รายได้ค่าเช่าในไตรมาสนี้อยู่ ที่ 2.57 พันล้านบาท เติบโต 1.2% YoY และทรงตัว QoQ (เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.23%) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 3% YoY (เนื่องจากค่าซ่อมบำรุงและค่าใช้จ่ายสิทธิแห่งทางที่เพิ่มขึ้น) และทรงตัว QoQ ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงในไตรมาสนี้อยู่ที่ 103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YOY และทรงตัว QoQ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายสิทธิแห่งทางอยู่ที่ 30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% YoY และ 1% QoQ ค่าใช้จ่ายด้านกองทุน โดยรวมทรงตัวทั้ง YoY และ QoQ

แนวโน้ม

เราประมาณการกำไรหลักไตรมาส 3/65 ที่ 2.2 พันล้านบาท เติบโต 1.2% YOY (ได้รับปัจจัยหนุนจากอัตราค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งอิงกับอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ที่ 1.23%) และทรงตัว QoQ เราคาดรายได้ค่าเช่าในไตรมาส 3/65 ที่ 2.57 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% YoY และทรงตัว QoQ และถ้าอ้างอิงกับอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 83% เราคาดอัตราเงินปันผลต่อหน่วยที่ 0.23 บาท/หน่วย สําหรับในไตรมาส 3/65

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ลงอีก 10% (เหลือ 7.51 พันล้าน บาท) เพื่อคํานวณรายการพิเศษ ได้แก่  ขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จริงข้างต้นจํานวน 800 ล้านบาทเข้าไปในประมาณการ แต่ยังคงประมาณการกำไรหลัก ปี 2565 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 8.91 พันล้านบาท และเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 5.89% ในช่วงตั้งแต่เดือนม.ค. จนถึงเดือนก.ค. 2565 และประมาณการอัตราเงินเฟ้อของ BLS ที่ 6% ในปี 2565 เรามองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนอัตราการเติบโตของค่าเช่าและกำไรของ JASIF สําหรับในปี 2566 และ ณ ปัจจุบันเราใช้สมมติฐานอัตราเงินเฟ้อเพียงแค่ 0.5% สําหรับประมาณการค่าเช่าในปี 2566 ซึ่งเรามองว่าเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการรายได้ค่าเช่าและกำไรในปี 2566 ของเรา โดยหากอัตราการเติบโตของค่าเช่าในปี 2566 ปรับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 6% (ซึ่งอิงกับอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ที่ 6% ในปี 2565) จากสมมติฐาน ณ ปัจจุบันของเราที่ 0.5% เราประเมินว่าประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ของเราจะปรับเพิ่มอีก 3.5% (ไปเป็น 9.37 พันล้านบาท)

เหตุการณ์ต่อไปที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ในเดือนก.ย 2565 ซึ่งจะรวมวาระการอนุมัติดีลการเข้าซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF ของ ADVANC โดย ADVANC ได้ยื่นเสนอเงื่อนไขสองข้อ เพื่อขอแก้ไขสัญญาเช่าของ JASIF การประชุมที่จะมาถึงในครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าข้อตกลงการเข้าซื้อกิจการของ ADVANC จะดำเนินการต่อไปหรือไม่ หากผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF ไม่อนุมัติข้อตกลงที่ทาง ADVANC เสนอมา ADVANC จะยกเลิกแผนทั้งหมดสำหรับการเข้าซื้อ TTTBB และ JASIF

คําแนะนํา

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงมากถึง 10-11% ณ ปัจจุบัน เรามองว่า JASIF จะเป็นผู้ที่ได้รับผลบวกโดยตรงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นแรง ณ ปัจจุบัน

 

- Advertisement -