บล.เอเซีย พลัส:

กําไร 2965 ดีกว่าคาด….ภาพทั้งปี 65 เติบโตสูง

กำไรสุทธิ 2Q65 เท่ากับ 2.0 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.1%qoq ดีกว่าคาด จากกำไรพิเศษเงินเคลมประกัน และกำไรสินค้าคงเหลือ ขณะที่กำไรปกติ 2Q65 เพิ่มขึ้น 26.0%qoq มาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากโครงการ Oxiteno ที่เริ่มรับรู้รายได้เข้ามาครั้งแรกในงวด 2Q65 สำหรับทิศทางกำไรปกติ 3Q65 คาดจะลดลง QoQ หลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูกาล high season ไปแล้วในช่วง 1H65 แต่คาดว่าการปรับตัวลดลงอาจจะไม่มากนัก เนื่องจาก IVL ได้ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า PET ด้วยราคาสูงไปแล้วในสัดส่วนกว่า 50% ของปริมาณขายในปี 2565 ทำให้แนวโน้มกำไรปกติทั้งปี 2565 จะเติบโตสูงถึง 53.6%yoy

ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 อยู่ที่ 56 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” รับกำไร 2Q65 ที่ขึ้นทำระดับสูงสุดรายไตรมาสของปีและเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งยังคาดหวังปันผลสม่ำเสมอรายไตรมาสได้

กําไรสุทธิ 2Q65 เพิ่มขึ้น 44.1%Q0Q…ดีกว่าคาด

IVL รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q65 เท่ากับ 2.0 หมื่นล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 44.1%qoq ดีกว่าคาด ซึ่งส่วนแตกต่างหลักมาจากรายการพิเศษที่ในงวดนี้มีบันทึกเงินเคลมประกันของ IVOL cracker 2.2 พันล้านบาท ซึ่งไม่เคยเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้ และบันทึกกำไรจากสินค้าคงเหลือที่มากกว่าคาด โดยในงวดนี้บันทึกกำไรจากสินค้าคงเหลือเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5.1 พันล้านบาท จาก 3.4 พันล้านบาท ในงวดก่อนหน้า

แต่หากตัดรายการพิเศษพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานปกติงวด 2Q65 พบว่าปรับตัวเพิ่มขึ้น 26.0%qoq มาอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) ที่มี Core EBITDA เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 259 จาก 126 ล้านเหรียญฯ รับผลบวกจากอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ MTBE ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเลนซิน และต้นทุนที่ต่ำลงจากการลดลงของการกักตุนน้ำมันบิวเทน อีกทั้งยังมีรายได้จากการขายสิทธิ์ของเทคโนโลยีสำหรับ MTBE เข้ามาช่วยหนุน นอกจากนี้ยังเริ่มรับรู้รายได้จาก Oxiteno เข้ามาครั้งแรกในงวด 2Q65 ส่งผลให้ปริมาณขายรวมปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 3.83 จาก 3.80 ล้านตัน ในงวดก่อนหน้า ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูกาล high season ของกลุ่มผลิตภัณฑ์ PET แต่เนื่องจากงวด 1Q65 ความต้องการสูงอยู่แล้ว ปริมาณขายกลุ่ม PET งวด 2Q65 จึงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.46 จาก 2.43 ล้านตัน แต่ spread กลุ่ม PET ลดลงเพียงเล็กน้อย เพราะได้รับอานิสงค์จากการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของปี 2565 สำหรับผลิตภัณฑ์ Integrated PET ไปแล้วกว่า 50% ของปริมาณขายทั้งปี 2565 ซึ่งหลักๆ เป็นการทำสัญญาขายของฝั่ง west ที่ spread ตามสัญญาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงจากปี 2564 ที่ผ่านมา ทำให้ spread โดยรวมของ PET ยังอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยรวมทำให้ Core EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ CPET ลดลงเพียงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 431 จาก 435 ล้านเหรียญฯ จากงวดก่อนหน้า นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยกดดันจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ Fiber ที่มีปริมาณขายลดลง เนื่องจากความต้องการใช้สินค้าขั้นปลาย Polyester ปรับตัวลดลงจากการจีน lockdown จากสถานการณ์โควิด จึงทำให้ Core EBITDA ของกลุ่มธุรกิจ Fibers ในงวด 2Q65 ลดลงมาอยู่ที่ 55 จาก 85 ล้านเหรียญฯ ในงวดก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม โดยรวม EBITDA/ton ในงวด 2Q65 ของ IVL เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 198 จาก 171 เหรียญฯต่อตัน ในงวดก่อนหน้า

โดยรวมแล้วกำไรจากการดำเนินงานปกติงวด 1H65 อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 72% ของประมาณการทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้

เบื้องต้นคงประมาณการให้น้ำหนักกำไร 2H65 อ่อนตัวลง หลังผ่านช่วงฤดูกาลใปแล้ว

เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปกติปี 2565 ที่จะเติบโต  53.6%yoy มาอยู่ราว 3.2 หมื่นล้านบาท ไว้เช่นเดิม เนื่องจากยังคงให้น้ำหนักกำไรของธุรกิจหลัก PET จะอยู่ในช่วงครึ่งแรกของปีตามฤดูกาลอยู่แล้ว แนวโน้มกำไรในช่วง 2H65 จะปรับตัวลดลงจาก 1H65 ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันภาพรวมมีความกังวลว่าจะอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักกดดันความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี อีกทั้งยังมีอีกหลายปัจจัยที่ยังไม่แน่นอนแปรผันตามสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น จึงทำให้เรายังคงประมาณการปัจจุบันไว้ก่อน แต่หากสถานการณ์ในงวด 3Q65 ดีกว่าสมมติฐาน ฝ่ายวิจัยจะทบทวนประมาณการอีกครั้ง

โดยประมาณการกำไรปกติปี 2565 ที่คาดเติบโต 53.6%yoy อยู่ภายใต้สมมติฐาน spread ผลิตภัณฑ์กลุ่ม Combined PET ซึ่งได้แก่ PET, PTA และ HVA (High Value Added) ฝั่ง West (อเมริกา และยุโรป) ปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 50-100 เหรียญฯต่อตัน จากค่าเฉลี่ยที่เกิดขึ้นในปี 2564 เนื่องจาก IVL ได้กำหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ไปแล้วกว่า 70% ของปริมาณขายฝั่ง West (หรือราวกว่า 50% ของปริมาณขายรวมของ IVL ในปี 2565) ซึ่งถือ เป็นการรับประกันระดับหนึ่งว่า spread ในปี 2565 โดยรวมไม่น่าจะอยู่ต่ำกว่าปี 2564 ที่ผ่านมา อีกทั้งในปี 2565 IVL จะเริ่มรับส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker ในสหรัฐฯ ที่เริ่มกลับมาผลิตเข้ามาอีกครั้งหลังจากหยุดผลิตไปเป็นระยะเวลาเกือบ 2 ปี ซึ่งเบื้องต้นคาดส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Ethane Cracker จะอยู่ราว 40-50 ล้านเหรียญฯ ต่อปี หรือราว 1.2-1.5 พันล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ในปี 2565 จะได้รับปัจจัยบวกจาก โครงการ Oxiteno ที่จะเริ่มรับรู้กำไรเข้ามาครั้งแรกในช่วง 2Q65 โดยกำหนดให้คาดการณ์กำไรจะอยู่ราว 90 ล้านเหรียญฯ ต่อปี หรือราว 2.8-3.0 พันล้านบาทต่อปี

สําหรับแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานปกติงวด 3Q65 คาดจะเห็นการปรับตัวลดลงจากงวด 2Q65 เนื่องจากผ่านพ้นช่วงฤดูกาลของ PET ในไตรมาส 2 ของทุกปี ทำให้แนวโน้มปริมาณขายในงวด 3Q65 น่าจะปรับตัวลดลง QoQ ขณะที่ spread ผลิตภัณฑ์คาดจะอ่อนตัวเพียงเล็กน้อย เนื่องจากมีราคาที่ทำสัญญาล่วงหน้าไปแล้ว รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันที่ลดลง คาดจะส่งผลให้ spread ผลิตภัณฑ์กลุ่ม MTBE น่าจะลดลงจากงวดก่อนหน้าเช่นกัน ขณะที่ในส่วนของแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q65 นั้น คาดราคาผลิตภัณฑ์จะอ่อนตัวลงตามความต้องการใช้ที่อาจจะลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะถดถอย ทําให้คาดจะบันทึก inventory gain ลดลงจากงวดก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาผลิตภัณฑ์ค่อนข้างอยู่ในระดับสูงตามราคาน้ำมันดิบ แต่ทั้งนี้คาดอาจจะมีการบันทึกกำไรพิเศษตัวอื่นเข้ามา ชดเชยได้ อาทิ กำไรจากการต่อรองเข้าซื้อกิจการ Oxiteno ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามสำหรับในส่วนของรายการพิเศษในช่วง 2H65

ESG

Environment : ส่งเสริมให้มีการจำกัดของเสียด้วยวิธีการที่จะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคนในชุมชนน้อยที่สุด พร้อมสนับสนุนให้พนักงานมีส่วนร่วมในโครงการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมภายในท้องถิ่น

Social : สนับสนุนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อันเป็นการสนับสนุนสังคม และส่งเสริมวัฒนธรรมอันดีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท

Governance : ปรับใช้หลักการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตามคําแนะนําของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

IVL แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 43.00

ราคาเป้าหมาย (บาท) 56.00

Upside (%) 30.2

Dividend yield (%) 2.9

- Advertisement -