บล.บัวหลวง: 

Major Cineplex Group (MAJOR TB / MAJOR.BK)

กำไรสุทธิดีกว่าคาด

กําไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด

MAJOR รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 131 ล้านบาท พลิกกลับเป็นกําไร YOY และสูงขึ้น 443% QoQ ซึ่งดีกว่าที่เราคาดที่ 67 ล้านบาท และตลาดที่ 87 ล้านบาทสังเกตว่ารายได้อื่นๆ ปรับตัวขึ้น 99% YoY และ 161% QoQ โดยหลักมาจากส่วนลดค่าเช่าและค่าธรรมเนียมบริการและประกันอัคคีภัยจากสาขาสุขุมวิท

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

รายได้อยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท เติบโต 275% YoY และ 45% QoQ โดยเกือบทุกธุรกิจของ MAJOR รายงานการเติบโต YoY ได้แก่ ยอดขายตั๋วหนัง (ปรับตัวขึ้น 504% YoY และ 71% QoQ) อาหารและเครื่องดื่ม (ปรับตัวขึ้น 220% YoY และ 46% QoQ) โบว์ลิ่งและคาราโอเกะ (ปรับตัวขึ้น 739% YoY และ 46% QoQ) โฆษณา (ขึ้น 188% YoY และ 4% QoQ) และคอนเทนต์หนัง (ขึ้น 60% YoY แต่ลดลง 41% QoQ) รายได้จากการให้เช่าที่ลดลง 36% YoY และ 20% QoQ อัตรากําไรขั้นต้นจากการขายตั๋วหนังในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 8.6% เทียบกับติดลบ -156% ในไตรมาส 2/64 และ -25% ในไตรมาส 1/65 สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายของ MAJOR อยู่ที่ 28% เทียบกับ 75% ในไตรมาส 2/64 และ 17% ในไตรมาส 1/65 EBITDA อยู่ที่ 297 ล้านบาท เทียบกับทิ่-151 ล้านบาทในไตรมาส 2/64 และ 277 ล้านบาทในไตรมาส 1/65

แนวโน้ม

สําหรับธุรกิจโรงหนังหนังสองเรื่องทำรายได้มากกว่า 100 ล้านบาทใน เดือน ก.ค. – ส.ค. ได้แก่ Thor: Love and Thunder (จนถึงตอนนี้ 169 ล้านบาท) และ Love Destiny 2 (จนถึงตอนนี้ 120 ล้านบาท) ซึ่งมีหนังฟอร์มยักษ์จาก Hollywood ที่จ่อคิวเข้าฉายในไตรมาส 3/65 ดังนั้นเราคาด MAJOR จะรายงานกําไรหลักในไตรมาส 3/65 พลิกกลับเป็นกำไร YoY และปรับตัวขึ้น QoQ สังเกตว่ากําไรสุทธิมีแนวโน้มที่จะลดลง YoY เนื่องจากกำไรพิเศษจากการขายการลงทุนใน SF ที่รับรู้มาในไตรมาส 3/64

สิ่งที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณกําไรหลักปี 2565 ดังเดิม

คําแนะนํา

หลังจากที่ยกเลิกการล็อคดาวน์ การฟื้นตัวของรายได้ของ MAJOR จะสร้างโมเมนตัมโดยมีหนังรอเข้าฉายจํานวนมากในครึ่งหลังของปี 2565 เราเชื่อว่าปี 2565 จะเป็นปีที่บริษัทพลิกกลับเป็นก๋าไรได้ โดยบริษัทจะรายงานกําไรสุทธิในไตรมาสที่กำลังจะมาถึง 3/65-4/65 อย่างไรก็ตาม เราเห็นความกังวลต่อพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้ใช้บริการโรงหนังหลังจากช่วงโควิด โดยเห็นได้ชัดว่าผู้คนยังคงมีความต้องการที่แข็งแกร่งสําหรับการรับชมหนังฟอร์มยักษ์ ซึ่งใกล้กับช่วงก่อนโควิดแล้ว แต่สําหรับหนังขนาดกลางถึงเล็ก ผู้คนแทบจะไม่ออกไปดูกันแล้ว ซึ่งต่างจากช่วงก่อนโควิด เราปรับคําแนะนําจาก “ซื้อเก็งกำไร” มาเป็น “ถือ”

MAJOR – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ช่วงเช้าวันนี้มุมมองออกมาเป็นกลาง โดยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ฟื้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป และคาดหวังจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญใน 2023

Highlights:

  • การจัดที่นั่งกลับมา 100% แล้วตั้งแต่ 2Q22 แต่รอบหนังยังจัดตามความเหมาะสม สถาณการณ์ฟื้นตัวกลับมาระดับ 60% เทียบกับก่อน COVID แต่ยังช้ากว่าฝั่ง US/ออสเตรเลียที่ฟื้นมาระดับ 80% คาดหวังปีหน้าจะกลับมาสู่ระดับก่อน COVID ได้
  • รายได้เดือน ก.ค.สูงสุดในรอบปีนี้ แต่เดือน ส.ค.-ก.ย. หน้าหนังไม่ได้แข็งแรงมากคาด 4Q22 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี
  • ตอนนี้ตลาด Tier-2 ต่างจังหวัดได้รับผลกระทบในส่วนของกำลังซื้อ น่าจะมีการลดราคาเพื่อดึง Traffic (คาด +100%) และดึงยอดขายธุรกิจอื่นๆ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม
  • ค่าไฟ/ค่าแรงขึ้นกระทบจำกัด เพราะค่าไฟส่วนใหญ่เป็น Revenue sharing และค่าแรงสูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว
  • หากสถานการณ์กลับมาปกติคาด NM จะเพิ่ม 1-2% จาก Pre-COVID จากต้นทุนที่เปลี่ยนไป

View From Fundamental:

  • เรามองว่าการเทิร์นอราวด์ได้รับรู้ไปในราคาหุ้นมากแล้ว แต่ภาพการฟื้นตัวยังค่อยเป็นค่อยไป ภาพตลาดหนังใหญ่กลับมาคึกคักก็จริง แต่หนังรอง ไม่สามารถทำรายได้ได้ เรายังคงคำแนะนำ ถือ
- Advertisement -