บล.บัวหลวง: 

Bumrungrad Hospital (BH TB/BH.BK)

BH – กำไรไตรมาส 2/65 สูงกว่าที่เราและตลาดคาด; มีการปรับราคาเป้าหมายไปเป็น 215

ดีกว่าเราและตลาดคาด

BH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 1,166 ล้านบาท เติบโต 439% YoY และ 61% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 4 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,162 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449% และ 60% QoQ ซึ่งสูงกว่าเรา คาด 52% และมากกว่าตลาดคาด 64% (โดยมาจากรายได้การแพทย์ที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น หนุนจากจํานวนผู้ป่วยต่างประเทศเป็นหลัก) BH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสําหรับครึ่งแรกของปี 2565 ที่ 1.15 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 0.6% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 25 ส.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 8 ก.ย.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

การเติบโต YoY และ QoQ เป็นผลมาจากรายได้ที่ขยายตัว อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ที่ลดลง รายได้การแพทย์อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท (ผู้ป่วยไทย 38% และผู้ป่วยต่างประเทศ 62%) เติบโต 65% YoY และ 20% QoQ ซึ่งรายได้จากผู้ป่วยไทยเติบโต 16% YoY ขณะที่รายได้ผู้ป่วยต่างประเทศเติบโต 121% YoY สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมากส่วนใหญ่มาจากประเทศอินโดจีนและทางฝั่งตะวันออกกลาง ซึ่งหนุนรายได้และกำไรสุทธิของ BH อย่างมาก อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจการแพทย์ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 46.2% (46.7% ถือเป็นอัตรากำไรขั้นต้นที่แตะสถิติสูงสุด ซึ่งถูกรายงานในไตรมาส 3/61) เพิ่มขึ้นจาก 36.1% ในไตรมาส 2/64 และจาก 41.6% ในไตรมาส 1/65 หนุนจากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่ให้อัตรากําไรขั้นต้นสูงที่มากขึ้นในไตรมาสนี้ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 18.1% ลดลง 9.9% YoY และ 2.0% QoQ และ BH มีเงินสดในมือสุทธิ ณ สิ้นเดือน มิ.ย. ที่ 6.3 พันล้านบาท

แนวโน้ม

กําไรหลักจะเติบโต YoY และ QoQ ในไตรมาส 3/65 จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติ (3.1 พันล้านบาทในไตรมาส 2/65, คิดเป็น 97% ของระดับก่อนเกิดโควิด) รายได้การแพทย์จะเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล (อุปสงค์ผู้ป่วยฝั่งตะวันออกกลางที่ฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เนื่องจากรอมฎอนระหว่างวันที่ 2 เม.ย. ถึง 1 พ.ค.) โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจการแพทย์จะขยายตัว YoY และ QoQ  เนื่องจากจํานวนผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้น เราคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะลดลง YoY (ทรงตัว QoQ)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับประมาณการกำไรหลักปี 2565 เพิ่มขึ้น 43% ไปเป็น 4.0 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 214% YoY เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวที่เร็วกว่าที่คาดของจํานวนผู้ป่วยต่างชาติ เนื่องจากเราปรับรายได้การแพทย์เพิ่มขึ้น 15% ไปเป็น 18.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 49% YoY) เราคาดอัตรากําไรหลักที่ 21.7% (เพิ่มขึ้น 11.4% YoY) กำไรหลักในครึ่งแรกของปี 2565 คิดเป็น 47% ของประมาณการใหม่ของเราในปี 2565 (63% ของประมาณการตลาด ซึ่งมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น) สําหรับปี 2566 เราคาดกำไรหลักอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% YoY (เพิ่มขึ้น 15% จากผลประกอบการปี 2562) เนื่องจากเราเห็นการฟื้นตัวเต็มที่ของรายได้ทั้งในและต่างประเทศในปีหน้า

ส่วนอัตรากําไรหลักคาดว่าจะอยู่ที่ 22.5% ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 0.8% YoY เราคาดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปี 2566 ที่ 18% ลดลง 1.5% YoY

คําแนะนํา

เราเชื่อว่ากําไรไตรมาส 2/65 ที่เซอร์ไพรส์เราและตลาดจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น BH เราปรับราคาเป้าหมายจาก 190 บาทไปเป็น 215 บาท เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการกำไร นอกจากนี้เราคาดว่า BH จะรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/65 เพื่อสะท้อนการฟื้นตัวอย่างเต็มที่และโครงสร้างการจัดการแบบลีน เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ที่อิงจากวิธี คิดลดกระแสเงินสดที่ 215 บาท

- Advertisement -