บล.บัวหลวง: 

Bangchak Corporation (BCP TB/BCP.BK)

BCP – กำไรไตรมาส 2/65 เป็นไปตามคาด; คาดอ่อนตัว QoQ ในไตรมาส 3/65

เป็นไปตามคาด

BCP รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 5,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199% YoY และ 21% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 7,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 เท่า YoY และ 8 เท่า QoQ ผลประกอบการเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก YoY ได้แก่ 1) กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโรงกลั่นทั้ง YoY และ QoQ, 2) กำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ทั้ง YoY และ QoQ, 3) กําไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจไฟฟ้า YoY, 4) กำไรจาก ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น YoY, และ 5) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง โดยอัตราส่วนค่าใช่จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 2.5% จาก 3.7% ในไตรมาส 2/64, และ 6) อัตราภาษีจ่ายที่ลดลง

อัตราการใช้กำลังการกลั่นอยู่ที่ 1.22 แสนบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 14%YoY (อุปสงค์ปรับตัวดีขึ้น) (ทรงตัว QoQ) ในขณะที่ค่าการกลั่นตลาด (market GRM) อยู่ที่ 24.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 484%YoY และ 257% QoQ (ส่วนต่างราคาขยายตัว) ปริมาณขายของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอยู่ที่ 1,470 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 24%YoY และ 4%QoQ ในขณะที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 0.94 บาทต่อลิตร เพิ่มขึ้น 7%YoY และ 59%QoQ ในขณะที่ EBITDA ของ ธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 12%YoY แต่ลดลง 64%QoQ มาอยู่ที่ 1,112 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA ของธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพลดลง 68%YoY และ 73%QoQ มาอยู่ที่ 93 ล้านบาท และ EBITDA ของธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติปรับตัวดีขึ้น 13 เท่า YoY (ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น) แต่ลดลง 17% QoQ มาอยู่ที่ 3,541 ล้านบาท (ราคาขายก๊าซที่ลดลง)

แนวโน้ม

กำไรหลักของ BCP ในไตรมาส 3/65 มีแนวโน้มเติบโต YoY หนุนโดยผลกำไรที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโรงกลั่น, ค้าปลีกน้ำมัน, ไฟฟ้า, และทรัพยากรธรรมชาติ แต่กําไรหลักมีแนวโน้มอ่อนตัว QoQ โดยหลักมาจากกำไรที่ลดลงจากธุรกิจโรงกลั่น, ค้าปลีกน้ำมัน, ไฟฟ้า, และทรัพยากรธรรมชาติ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

ถึงแม้ว่ากําไรหลัก 6 เดือนแรกของปี 2565 จะคิดเป็น 77% ของประมาณการกําไรหลักปี 2565 ของเราที่ 12,536 ล้านบาท แต่เรายังคงไว้ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากเราคาดว่ากําไรในครึ่งหลังของปี 2565 จะอ่อนตัว HoH

คำแนะนำ

คาดการณ์การเติบโต YoY ของกำไรหลักไตรมาส 3/65 และปี 2565 และมุมมองเชิงบวกของตลาดต่อโอกาสเติบโตจากธุรกิจใหม่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป ราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่ PBV ปี 2565 ที่ 0.5 เท่า (ค่ากว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 1 เท่า อยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2565 ที่ 9.1% (เทียบกับ 3.0% ของตลาด หลักทรัพย์) น่าจะช่วยจํากัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น เรายังคงชอบ TOP มากกว่า เนื่องจากกาไรมีความไวต่อการฟื้นตัวของค่าการกลั่นมากกว่า

- Advertisement -