ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่ามองเป็นปัจจัยกดดัน Foreign fund flow
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมาปิดบวก 0.45% นักลงทุนเชื่อว่า FED จะควบคุมเงินเฟ้อได้โดยที่มีทำให้เศรษฐกิจหดตัว ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวลง 3.1% รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน หลังจากรายงานยอดค้าปลีกประจำเดือน ก.ค. ขยายตัวเพียง 2.7%YoY ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 5%YoY รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเพียง 3.8%YoY ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 4.5%YoY มองเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มน้ำมัน (PTTEP) แต่จะเป็นบวกกับกลุ่มที่มีราคาน้ำมันเป็นต้นทุน (SCGP SCC TOA)
Market Outlook
สำหรับประเทศไทยการประกาศ GDP 2Q22 วานนี้ที่ขยายตัว 2.5%YoY ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 3.1%YoY แรงหนุนหลักได้แก่การบริโภคภาคเอกชน +6.9%YoY มูลค่าการส่งออก +9.7%YoY การลงทุนภาคเอกชน +2.3%YoY มองไปยังข้างหน้าสภาพัฒน์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3%YoY โดยเฉลี่ยในปี 2022 แรงหนุนหลักที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี 2022 มาจากการบริโภคภาคเอกชน (+4.4%YoY) การลงทุนภาคเอกชน (+3.1%YoY) มูลค่าส่งออกขยายตัว (+7.9%YoY) และการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม สภาพัฒน์ยังคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดปี 2022 จะติดลบ 1.6% ของ GDP สะท้อนถึงการแข็งค่าของเงินบาทที่ยังมีความไม่แน่นอน ซึ่งล่าสุดเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งทดสอบ 35.5 บาท/$ และอาจเป็นแรงกดดันต่อกระแสเงินทุนต่างชาติให้ไหลออก ส่วนกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการประกาศ GDP เน้นไปที่ค้าปลีก (BJC CRC CPALL DOHOME GLOBAL HMPRO) ร้านอาหาร (M) ท่องเที่ยว (CENTEL ERW MINT SPA)
ด้าน SET INDEX วันนี้คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1618 – 1632 ภาพรวมทรงตัวสะท้อนผ่านตลาดหุ้น Nikkei ที่เคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ เพียง -0.35% ประเมินว่าตลาดกำลังรอดูหลายๆ ปัจจัย อาทิ ตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ และรายงานผลประชุม FED รอบเดือน ก.ค. ที่จะประกาศออกมาในช่วงที่ 1 ของวันพฤหัสตามเวลาประเทศไทย สำหรับการประกาศผลประกอบการเมื่อวานหุ้นที่ดีกว่าตลาดคาดการณ์จะได้แก่ PLANB (ดีกว่า Bloomberg คาด 25%) ต่ำกว่าคาดอย่างมีนัยยะ ได้แก่ STEC (ต่ำกว่า Bloomberg คาด 40%) เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะทยอยลดพอร์ตการลงทุน เนื่องจากมองถึง Upside ที่จะเริ่มจำกัดซึ่งปัจจุบันตลาด Price in ประเด็นเงินเพื่อผ่านจุดสูงสุดไปค่อนข้างเยอะแต่ยังมีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะลงได้ยากหรืออาจะค้างไว้ที่ 8% +/- (ปีนี้) ส่วนหุ้นแนะนำเน้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง (SCC SCGP TOA) รวมถึง Domestic Play กลุ่มค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO GLOBAL) อาหาร (M) ท่องเที่ยว (CENTEL ERW MINT SPA) หุ้นที่กำไรโดดเด่น (PLANB)
Pi Stock Picks
PLANB (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 7.8 บาท)
เชื่อว่า OOH จะเป็นประเภทสื่อที่โดดเด่นใน 2H22 ไปจนถึงปี 2023 หนุนจากกระแสการกลับมาทํากิจกรรมนอกอาคาร และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดว่ากำไร 2H22 จะโต YoY จากฐานต่ำเมื่อปีก่อน เพราะผลกระทบของการล็อกดาวน์
ERW (ชื้อ / ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท)
EBITDA พลิกเป็นบวกครั้งแรกตั้งแต่เกิดโควิด-19 เชื่อว่ากำไรใน 2H22 จะฟื้นตัวดีด้วยแรงหนุนจากผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจของพอร์ตธุรกิจโรงแรมในไทย ทั้งในกลุ่มโรงแรมหรูและราคาถูก อย่าง “Hop Inn’ หลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศ