บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

Mega Lifesciences (MEGA TB) เดินหน้าฟื้นตัวต่อเนื่อง

คงแนะนำ ซื้อ และราคาเป้าหมาย 66 บาท หุ้น Top Pick

MEGA รายงานกำไรหลักงวดไตรมาส 2/65 ที่ 544 ล้านบาท (ลดลง 13% QoQ เพิ่มขึ้น 17% YoY) โดยได้แรงหนุนหลักจากธุรกิจแบรนด์ที่มียอดขายเติบโต 2.6% QoQ และ 16% YoY (แตะระดับ 2 พันล้านบาท) ขณะที่ยอดขายจากธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเติบโต 3.6% QoQ และ 4.6 % YoY (แตะ 1.9 พันล้านบาท) จากธุรกิจแบรนด์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าที่ 66.9% เทียบกับ 16.3% ในธุรกิจจัดจำหน่าย ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.7 ppt YoY เป็น 42.6% ส่งผลกำไรหลักเติบโต 14% เป็น 544 ล้านบาท มากกว่าอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 9% YoY แนวโน้มครึ่งปีหลัง แม้จะมีความท้าทายในเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดจัดจำหน่ายสินค้าที่สำคัญ เรายังคงประมาณการกำไรหลักไว้ที่ 14% ในปี 65 ที่ 544 ล้านบาท เนื่องจาก MEGA ยังคงดำเนินงานในประเทศได้ตามปกติ เราประเมินรายได้โดยรวมจะเติบโต 9% ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท และเชื่อว่า MEGA จะทำได้สำเร็จ คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 66 บาท

เมียนมา ยังท้าทาย แต่บริหารจัดการได้

มาตรการควบคุมเงินทุนในเมียนมา ซึ่ง MEGA มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 35% นำไปสู่แรงกดดันในการขายหุ้นของ MEGA โดยยอดขายเกือบทั้งหมดในเมียนมาร์อยู่ในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่า (18.8% ในปี 65 เทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งบริษัทที่ 43.1%) เราจึงคาดว่าจะทำให้กำไรหลักของปี 65 ลดลง 17.2% หาก MEGA ต้องยุติการดำเนินงานในเมียนมา ทั้งนี้ เราประเมินว่าผลกระทบในเมียนมาจำกัด เนื่องจาก 1) ธุรกิจจัด จำหน่ายของ MEGA นำเข้าสินค้าจำเป็นส่วนใหญ่ เช่น ยาและวิตามิน ซึ่งปัจจุบันได้รับการยกเว้นจากการควบคุมเงินทุน และ 2) MEGA ไม่มีสินเชื่อสกุลเงินต่างประเทศ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบห้ามการชำระคืนเงินกู้ FX อย่างไรก็ตาม เรามองว่าสถานการณ์ในเมียนมายังคงมีความท้าทายและเป็นความเสี่ยงที่สำคัญ

แนวโน้มระยะยาวยังแข็งแกร่ง

ผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มกำไรขึ้นเป็นสองเท่าจากปี 62-68 ซึ่งเราเชื่อว่าบริษัทจะทำได้ โดยในอดีตบริษัทประสบความสำเร็จในการทำกำไรเติบโตสองหลักได้ทุกปี จากความภักดีของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์แบรนด์และความเป็นผู้นำตลาดของ MEGA ในธุรกิจจัดจำหน่ายที่เติบโตอย่างรวดเร็วในเมียนมา กัมพูชา และเวียดนาม เราคาดว่ากำไรหลักจะแตะ 2.8 พันล้านบาทในปี 68 เพิ่มขึ้นจาก 1.2 พันล้านบาทในปี 62

Top Pick ในกลุ่มดูแลสุขภาพไทย เมียนมาเป็นความเสี่ยงหลัก

เราใช้วิธี DCF (WACC 9.4% และการเติบโตของเทอร์มินัล 3%) ประเมินราคาหุ้น โดยหุ้น MEGA ซื้อขายที่ P/E ปี 66 ที่ 18.1 เท่า ซึ่งต่ำที่สุดในบรรดาผู้ให้บริการด้านสุขภาพในภูมิภาค เรามองว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาวที่แข็งแกร่ง

ความเสี่ยงที่สำคัญ คือ ธุรกิจ ของ MEGA ในเมียนมา ซึ่งอาจเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจต่อไป

- Advertisement -