บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +41.6%
Close Aug 15, 2022 Price (THB) 40.25
12M Target (THB) 57.00
Previous Target (THB) 56.00
What’s new?
- RATCH รายงานกำไรปกติ 2Q65 ที่ 2,152 ล้านบาท เติบโต QoQ และ YoY โดยได้แรงหนุนจาก 1) การ ปรับขึ้นค่า Ft เดือน พ.ค. – ส.ค. 2) การกลับมาดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสา และ 3) การรับรู้รายได้และส่วนแบ่งจากการเข้าลงทุนและ COD โครงการใหม่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
- คาดกําไรปกติ 3Q65 เติบโต QoQ และ YoY เพราะ 1) ไม่มีการปิดซ่อมโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลัก 2) การปรับขึ้นค่า Ft เดือน ก.ย. – ธ.ค. 3) การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paiton โดยคาดธุรกรรมการเข้าลงทุนเสร็จสิ้นในช่วงปลาย 3Q65
Our view
- คงประมาณการปี 2565 ที่ 8,266 ล้านบาท แต่ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 57.00 บาท/หุ้น จากการรวมปัจจัยด้าน ESG ไว้ในการประเมินมูลค่ามี Upside +41.6% โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2565-2566 ที่ 10.6x และ 7.2x ต่ำกว่ากลุ่มฯ
- RATCH มักประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลภายใน 2 สัปดาห์ หลังประกาศงบไตรมาส 2 เบื้องต้นคาดเงินปันผล 1H65 ที่ 1.15 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 2.9% ทำให้ราคาปัจจุบันมี Downside จำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ”
RATCH GROUP กำไรปกติ 2Q65 เติบโต QoQ และ YoY
กำไร 2Q65 เติบโต QoQ และ YoY จากโครงการใหม่
RATCH รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 2,196 ล้านบาท (+39% QoQ, +3% YoY) หากหักรายการพิเศษออก กำไรปกติ 2Q65 อยู่ที่ 2,152 ล้านบาท (+23% QoQ, +1% YoY) การเติบโต QoQ หนุนจาก 1) การปรับขึ้นค่า Ft เดือน พ.ค. – ส.ค. ช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการแบบ SPP ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นรวมฟื้นตัว +254bps QoQ 2) การกลับมาทำงานเต็มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าหงสาหลังปิดซ่อมบางส่วนใน 1Q65 3) การ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม NRER กำลังผลิต 45MWe ในเดือนเม.ย. และ 4) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม RIAU กำลังผลิต 145MWe แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก ขณะที่การเติบโตเล็กน้อย YoY ได้รับแรงหนุนจากการ COD และการเข้าลงทุนในโครงการใหม่เป็นหลัก ทั้งนี้กำไรปกติ 1H65 คิดเป็นสัดส่วน 47% ของประมาณการทั้งปี
กำไรปกติ 3Q65 มีแนวโน้มเติบโตเล็กน้อย QoQ และเติบโตเด่น YoY
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 3Q65 ที่ 2,200 ล้านบาท +/- เติบโตเล็กน้อย QoQ จาก 1) บริษัทฯ ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลักใน 3Q65 2) ได้รับอานิสงค์จากการปรับขึ้นค่า Ft เดือน ก.ย. – ธ.ค. 3) การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า NRER แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก และ 4) การเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน Paiton 7/8 และ Paiton 3 กำลังผลิตรวม 931MWe ในอินโดนีเซียหลังธุรกรรมการเข้าลงทุนเสร็จสิ้น (คาดเสร็จสิ้นในช่วงปลาย 3Q65) ขณะที่การเติบโตเด่น YoY หนุนจาก 1) การไม่ปิดซ่อมโรงไฟฟ้าหงสาบางส่วนเหมือนใน 3Q65 2) การรับรู้รายได้และส่วนแบ่งกำไรจากโครงการที่บริษัทฯเข้าลงทุนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ราคาหุ้นอยู่ในโซนถูก และมีเงินปันผลช่วยจำกัด Downside คงคำแนะนำ “ซื้อ”
คงประมาณการปี 2565 ที่ 8,266 ล้านบาท (+14% YoY) หนุนจากการ COD โครงการใหม่ และการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้า Paiton ในอินโดนีเซีย แต่เรามีการปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นเป็น 57.00 บาท/หุ้น จากการรวม FCF Premium 2% จาก Yuanta ESG Rating ระดับ AA ไว้ในการประเมินมูลค่า มี Upside +41.6% โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2565 และ PER2566 เพียง 10.6x และ 7.2x ตามลำดับ ต่ำกว่ากลุ่มฯ นอกจากนี้ RATCH มักจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลภายในช่วง 2 สัปดาห์ หลังการประกาศงบไตรมาส 2 (อิงข้อมูล 5 ปีย้อนหลัง) เบื้องต้นเราคาดเงินปันผล 1H65 ที่ 1.15 บาท/หุ้น (Dividend Yield 2.9%) ทำให้ราคาหุ้นมี Downside ที่จำกัด จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”