บล.ทรีนีตี้:
ไนท คลับ แคปปิตอล – KCC
กําไร 2Q65 เติบโตแรง มอง 2H65 ยังสดใส
- กำไร 2Q65 อยู่ที่ 43 ล้านบาท เติบโต 124%QoQ และ 259%YoY
- ปัจจัยบวกสำคัญมาจากการที่บริษัทสามารถเจรจาให้ลูกหนี้รายใหญ่มาชำระปิดหนี้ได้ ส่งผลให้บันทึกกำไรจาก NPL เข้ามาสูงถึงราว 58 ล้านบาท
- หากไม่นับรวมปัจจัยข้างต้น แนวโน้มยอดจัดเก็บปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
- ใน 2Q65 มีการซื้อหนี้ราว 530 ล้านบาท ขณะที่ 2H65 มีโอกาสในการซื้อหนี้อีกมาก บวกกับ D/E ค่อนข้างต่ำที่ 0.6 เท่า จึงอาจเห็นการซื้อหนี้เกินเป้าที่ 800 ล้านบาทได้
- ปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ขึ้น สะท้อนกำไร 2Q65 ที่ค่อนข้างสูง และแนวโน้มกำไร 2H65 ที่ยังดูสดใสจากแนวโน้มยอดจัดเก็บที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
- ให้ราคาเป้าหมายใหม่ 7.20 บาท ราคาหุ้นยังถูกเมื่อเทียบกับ AMC อื่น แนะนำ “ซื้อ”
กำไร 2Q65 เติบโตโดดเด่น หลังเจรจาปิดหนี้รายใหญ่ได้
KCC ประกาศกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 42.8 ล้านบาท เติบโต 124%QoQ และ 259%YoY โดยปัจจัยบวกสำคัญ คือ บริษัทสามารถเจรจาทำให้ลูกหนี้มาชำระปิดหนี้ได้ ทำให้มีการบันทึกกำไรจาก NPL เข้ามาราว 57.6 ล้านบาท หากไม่นับรวมการชำระจากลูกหนี้รายใหญ่ดังกล่าว แนวโน้มการกระแสเงินสดจากการจัดเก็บโดยรวมปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ซึ่งเป็นผลจากสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นภายหลังการเปิดเมือง และการติดตามหนี้อย่างใกล้ชิดของบริษัท ด้านการซื้อหนี้ของบริษัทใน 2Q65 อยู่ที่ราว 530 ล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่บริษัทมีการออกหุ้นกู้ 350 ล้านบาท ในเดือน เม.ย. 65 ที่ผ่านมา ทำให้สัดส่วน D/E ยังใกล้เคียงเดิมที่ 0.6 เท่า แต่ดอกเบี้ยจ่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราว 3.6 ล้านบาท ใน 1Q65 มาอยู่ที่ราว 11.1 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ แต่ยังไม่ค่อยมีนัยสำคัญมากนักเมื่อเทียบกับรายได้รวมที่เพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายสำรองหนี้อยู่ที่ (FCL) 3.2 ล้านบาท เทียบกับ 1Q65 ที่มีการกลับสำรองที่ 6.5 ล้านบาท แต่ยังถือว่ามีแนวโน้มที่ลดลง 45%YoY ซึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บที่ดีขึ้น
แนวโน้ม 2H65 ยังดี ปรับประมาณการกำไรปี 65 ขึ้น
สำหรับกำไรใน 2H65 หากไม่นับรวมผลบวกจากการชำระหนี้ของลูกหนี้รายใหญ่ใน 2Q65 ที่ผ่านมา คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังกระแสเงินสดจากการจัดเก็บยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สำหรับเป้าซื้อหนี้ของบริษัทเดิมคาดไว้ที่ 800 ล้านบาท ซึ่งใน 1H65 ซื้อมาแล้วราว 530 ล้านบาท โดยใน 2H65 ภายหลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน อาจเห็นสถาบันการเงินนำหนี้ออกมาขายอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้รวมทั้งปีการซื้อหนี้อาจสูงกว่าเป้า ได้ และจะเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคต ทั้งนี้ด้วยกำไร 2Q65 ที่ค่อนข้างสูง บวกกับแนวโน้มครึ่งปีหลังที่ยังดีต่อเนื่อง ทำให้เราปรับประมาณการกำไรปี 65-66 ขึ้นเป็น 103 ล้านบาท (+97%YoY) และ 137 ล้านบาท (+32%YoY) หรือปรับเพิ่มขึ้น 45% และ 5% จากประมาณการก่อนหน้า
ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 7.20 บาท
จากการปรับประมาณการกำไร เราจึงปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 7.20 บาท อิง Justified PBV 3.7 เท่า พร้อมแนะนำ “ซื้อ” โดยมองว่ามีความน่าสนใจในแง่ Valuation ที่ยังซื้อขายกันที่ PBV ต่ำกว่า JMT และ CHAYO นอกจากนี้บริษัทประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลอีก 0.0379 บาท (XD 24 ส.ค. 65) คิดเป็น Div. Yield อีกราว 0.6%
ความเสี่ยง: สภาวะเศรษฐกิจอาจส่งผลต่ออัตราการจัดเก็บหนี้และกระแสเงินสด