บล.ทรีนีตี้:
โรงพยาบาลพระรามเก้า – PR9
กลุ่ม Non-COVID ยังเติบโตได้ดี ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง
2Q65 Recap
- รายงานกำไรสุทธิ 2Q65 ที่ 124.8 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 20.6% QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้นจากกำไร 11.8 ล้านบาทใน 2Q64
- รายได้จากกลุ่มการแพทย์อยู่ที่ 980 ล้านบาท Flat QoQ แต่ปรับตัวสูงขึ้น 52.6% YoY โดยในช่วง 2Q65 มีสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ที่ 10% ลดลงจาก 1Q65 ที่ 20% หลังจากที่คนไข้รับการรักษาผ่านระบบ Home Isolation มากขึ้น
- EBITDA Margin ใน 2Q65 อยู่ที่ 23.2% ลดลงจากระดับ 27.3% ใน 1Q65 เนื่องจากใน 2Q65 มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่ม COVID-19 ลดลง ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการทำกำไรสูง และใน 2Q65 มีสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นจากการทำ Lasik และการรับตรวจสุขภาพที่มีอัตราการทำกำไรต่ำกว่าการบริการอื่นๆ ส่งผลให้มี EBITDA Margin ลดลง QoQ แต่สามารถปรับเพิ่มจากระดับ 13.2% ใน 2Q64 หลังจากที่ฐานรายได้สูงขึ้น ส่งผลให้ได้รับประโยชน์จาก Economy of Scale
- อัตราการครองเตียง IPD อยู่ที่ 61% ปรับตัวลดลงจาก 67% ใน 1Q65 ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนผู้ป่วย COVID-19 ที่ลดลง
- สัดส่วนรายได้จากคนไข้ต่างชาติอยู่ที่ 13% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 10% ใน 1Q65 จากคนไข้ CLMV ที่เริ่มกลับมารับการบริการเพิ่มมากขึ้นหลังจากเปิดประเทศ
Update
- คาดปี 2565 มีรายได้อยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท เติบโต 28.7% YoY โดยการเติบมาจากกลุ่ม Non-COVID เป็นหลัก เนื่องจากสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 มีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
- คาด EBITDA Margin อยู่ที่ 20-22% สูงกว่าปี 2564 ที่ระดับ 19.5% โดยกลุ่ม Non COVID คาดมี EBITDA Margin เฉลี่ยราว 20%
- คาด 3Q65 มีผลการดำเนินงานสูงขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากการฟื้นตัวของกลุ่ม Non COVID ที่กลับมารับบริการเพิ่มขึ้น และเป็นช่วง High Season ของกลุ่มโรงพยาบาล ประกอบกับรายได้กลุ่มคนไข้ต่างชาติที่ยังคงฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากคนไข้กลุ่ม CLMV
- คาดปี 2566 สามารถเติบโตต่อเนื่องได้ราว 15% YoY จากการเพิ่มศูนย์แพทย์เฉพาะทาง และการเปิดพื้นที่ให้บริการเพิ่มในอาคารใหม่
- คาด 4Q65 อ่อนตัวลง YoY เนื่องจากมีฐานที่สูงจาก 4Q64 ที่มีรายได้จากการให้บริการ Hospitel
- เดินหน้าในการเป็น Digital Hospital โดยการลงทุนระบบ IT และการให้บริการ Telemed อาทิ การร่วมมือกับร้านขายยานอกโรงพยาบาลในการปรึกษาแพทย์เมื่อมีลูกค้ามาซื้อยา
- การขาย Package ตรวจสุขภาพผ่านช่องทาง Online (Shopee) ส่งผลให้มีจำนวนผู้มาใช้บริการและฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น
Comment :
รายได้ในช่วง 1H65 นับเป็น 50% ของเป้าหมายที่ 3.9 พันล้านบาท โดย Pent Up Demand ยังคงอยู่ในระดับสูง จากทั้งคนไข้ไทยและคนไข้ต่างชาติ ส่งผลให้คาดว่า 2H65 มีโอกาสที่ผลประกอบการจะสูงกว่า 1H65 ทั้งนี้ PR9 ได้ทำการตลาดที่จะเพิ่มกลุ่มคนไข้ใหม่ๆ จากต่างประเทศ อาทิ การทำการตลาดผ่าน Agency ทั้งนี้ เราคาดว่า EBITDA Margin ของปี 2565 จะอยู่ที่ราว 20% ซึ่งเป็นระดับ Pre-COVID-19 และจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการควบคุมค่าใช้จ่าย ในขณะที่ฐานรายได้จะมีการเติบโตมาจากศูนย์แพทย์เฉพาะทางใหม่ที่มาเปิดให้บริการอย่างต่อเนื่อง
Valuation :
ปัจจุบัน PR9 เทรดอยู่ที่ P/E ที่ 25X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ 35X