บล.เอเซีย พลัส:

ใกล้แสงสว่างเข้าไปทุกขณะ

งวด 2Q65 ขาดทุนสุทธิ 42 ล้านบาท แม้ธุรกิจก่อสร้างมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน อย่างมีนัยฯ หลังคว้าหลายงานใหญ่ในช่วงไม่กี่ไตรมาสที่ผ่านมา แต่อัตรากำไรของ โครงการใหญ่ที่ลดลงเทียบกับงานโครงการขนาดกลาง-เล็ก อีกทั้ง TTCL ยังมีภาระต้องรับรู้การด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS9 แฝงอยู่ใน SG&A อีกไตรมาสละ 69 ล้านบาท จนถึง 4Q65 เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ TTCL ยังมีผลประกอบการขาดทุน

ภาระการด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS9 ปีละ 276 ล้านบาท ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในปีนี้ หลังต้องแบกรับภาระดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2563 จะทำให้ TTCL พลิกกลับมามีผลการดำเนินงานปกติเป็นบวกได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ภายใต้สถานะ Backlog ปัจจุบันที่มีกว่า 1.6 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี ฝ่ายวิจัยแนะนำ ซื้อ ประเมิน FV อิง PBV 1.36 เท่า (Historical PBV 5Y) ให้ราคาเหมาะสม 6.10 บาท

งวด 2Q65 จาดทุนสุทธิ 42 ล้านบาท

งวด 2Q65 รายงานผลขาดทุนสุทธิ 42 ล้านบาท เทียบกับงวด 2Q64 และ 1Q65 ที่มีกำไรสุทธิ 114 ล้านบาท และ 545 ล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากใน 2Q64 TTCL มีกำไรพิเศษ จากการขายเงินลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 166 ล้านบาท ขณะที่งวด 1Q65 มีกำไรพิเศษจากการโอนกลับค่าเผื่อหนี้สูญโครงการ Rock Salt ใน สปป.ลาว จำนวน 571 ล้านบาท ส่วน 2065 มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 85 ล้านบาท รายได้ก่อสร้าง (EPC) ไตรมาสนี้ทำได้ 2,736 ล้านบาท (+6%QoQ,+90%YoY) การเพิ่มขึ้นของรายได้ เกิดจากการรับรู้รายได้หลายโครงการใหญ่ที่ได้รับเข้ามาตั้งแต่กลางปีก่อน อาทิ โรงไฟฟ้าขยะใน เวียดนาม โครงการปิโตรเคมีของ PTT และโรงไฟฟ้า EGCO เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรของโครงการใหญ่ที่ต่ำกว่างานโครงการขนาดกลาง-เล็ก ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ Gross margin ธุรกิจ EPC ลดลงมาที่ 5.03% (2Q64=13.33%, 1Q65=7.90%) ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้ามีรายได้ 14 ล้านบาท และมี gross margin 82% ด้านค่าใช้จ่ายในการ ขายและบริหาร (SG&A) ลดลงเล็กน้อยเทียบกับช่วงหลายไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 223 ล้านบาท แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนปี 2563 เนื่องจาก TTCL ต้องรับรู้การด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS9 แฝงอยู่ใน SG&A จำนวน 69 ล้านบาท/ไตรมาส ตั้งแต่ 1Q63 ถึง 4Q65 สำหรับส่วนแบ่งกำไรตามส่วนได้เสียจากโรงไฟฟ้า Ahlone#1 รับรู้เข้ามา 62 ล้านบาท สูงกว่าระดับปกติที่เคยทำได้ 25-30 ล้านบาท/ไตรมาส เนื่องจากปัญหาความไม่สงบในพม่า ทำให้โรงไฟฟ้า Ahlone#1 ต้องเดินเครื่องระดับสูงตลอดเวลา เพื่อชดเชยกำลังการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าอื่นที่ลดลง โดยที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้ผ่านการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ไปแล้ว ในปี 2564 จึงสามารถเดินเครื่องได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้รายรับจากการขายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้า Ahlone#1 อยู่ในสกุลดอลลาร์ จึงได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท

ผลประกอบการครึ่งปีหลังยังไม่เปลี่ยน แต่ OUTLOOK ปีหน้า ดูดีมาก

แนวโน้มผลประกอบการปกติช่วง 2H65 ไม่น่าจะแตกต่างจากช่วง 1H65 อย่างมีสาระสำคัญ โดยรายได้ธุรกิจก่อสร้าง (EPC) อยู่ในกรอบ 2.5-3 พันล้านบาท/ไตรมาส และมี Gross margin อยู่ในช่วง 7-9% ขณะที่ SG&A ทรงตัวใกล้เคียง 240 ล้านบาท/ไตรมาส เนื่องจาก TTCL ต้องมีการตั้งสำรองด้อยค่าตามมาตรฐาน TFRS9 จำนวน 828 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายใน SG&A โดยใช้เกณฑ์เส้นตรงตลอดระยะเวลา 12 ไตรมาส ไตรมาสละ 69 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปี 2563-2565 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางของผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้งเครื่องจักร การเดินทางเพื่อติดต่องานกับลูกค้า และการได้รับเชิญจากเจ้าของโครงการให้เข้าร่วมเสนอราคาบ่อยครั้ง ทำให้ตั้งแต่ต้นปี TTCL ได้รับงานใหม่เข้ามาแล้ว 1.24 หมื่นล้านบาท และปัจจุบันมีงานที่อยู่ระหว่างยื่นประมูล 4.2 หมื่นล้านบาท มี 2 โครงการที่จะทราบผลในปีนี้ มูลค่า 1.5 พันล้านบาท และ 2.5 พันล้านบาท ถือเป็นงานที่ TTCL ตั้งความหวังไว้สูง เนื่องจากเป็นโครงการของลูกค้าเดิม ฝ่ายวิจัยจึงมีมุมมองเป็นบวกอย่างมากต่อธุรกิจในปี 2566 ที่เชื่อว่า TTCL จะกลับมาทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องอีกครั้ง หลังไม่มีภาระการตั้งสำรองด้อยค่าตาม TFRS9 ที่สูงถึงปีละ 276 ล้านบาท เข้ามากดดันอีกต่อไป

มอง DOWNSIDE จํากัด เทียบกับ UPSIDE ที่เปิดกว้าง แนะนำ ซื้อ

TTCL เผชิญกับสารพัดปัจจัยลบที่กดดันราคาหุ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตั้งหนี้สูญงานก่อสร้างโครงการ Rocksalt โครงการแปลงน้ำทะเลเป็นน้ำจืดในกาตาร์ และโครงการอื่นๆ ในช่วงระหว่างปี 2561-2562 รวมกว่า 3.5 พันล้านบาท บวกกับการตั้งสำรองด้อยตามมาตรฐานบัญชี TFRS9 ในปี 2563-2565 จำนวน 828 ล้านบาท แต่จากนี้ ไปจะเห็นพัฒนาการเชิงบวกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆทั้งด้านรายได้และอัตรากำไรรวมถึงโอกาสที่จะโอนกลับสํารองด้อยค่าโครงการ Rocksalt ส่วนที่เหลืออีก 717 ล้านบาท เข้ามาเป็นกำไรพิเศษ หากมีความคืบหน้าที่เป็นบวกจากคดีที่อยู่ระหว่างรอฟังคำตัดสินครั้งสุดท้าย ของอนุญาโตตุลาการในเวียดนาม ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมถึง PBV 1.36 เท่า (Historical PBV 5Y) ให้ราคาเหมาะสม 6.10 บาท มี Upside 28% แนะนำ ซื้อ

ประเด็นความเสี่ยง

1. รายได้ส่วนใหญ่ของ TTCL มาจากงานในต่างประเทศ ซึ่งอยู่ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ จึงมีความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนสูง ซึ่งการบริหารความเสี่ยงในปัจจุบัน ใช้วิธี Natural Hedge อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนต่างที่ไม่ได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้

2. ลักษณะธุรกิจของ TTCL ที่ต้องให้ Warrantee แก่ลูกค้าเป็นเวลา 2-3 ปี ซึ่งในระหว่าง Warrantee Period มักมีงานเพิ่ม/งานซ่อมแซม ที่อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายและ TTCL ไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ นำไปสู่ความเสี่ยงในการตั้งสำรองหนี้สูญที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง

TTCL แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 4.82

ราคาเป้าหมาย (บาท) 6.10

Upside (%) 26.56

Dividend yield (%) 0.00

- Advertisement -