บล.เอเซีย พลัส:
สัญญาณ TURNAROUND ชัดเจน
งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158%QoQ นับเป็นผลประกอบการกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ยืนยันภาพการ Turnaround ที่ชัดเจนขึ้น หลังงาน ใหม่ที่ได้รับจํานวนมากตั้งแต่ปี 2564-ปัจจุบัน เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง ขณะที่ธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างประคองตัวมีกำไรเล็กน้อย ส่วนธุรกิจอสังหาฯ เหลือโครงการ Active อีกไม่มาก จึงมีผลขาดทุนเล็กน้อย
Backlog คงเหลือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท รองรับการสร้างรายได้ 3 ปีข้างหน้า โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นมากพอจะทำให้ NWR Turnaround กลับมาทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง และยังมีประเด็นบวกเพิ่มเติมจากการนำบริษัทลูกคือ UBA เข้าจดทะเบียนใน SET โดยใช้สิทธิจองซื้อหุ้น IPO กับผู้ถือหุ้น NWR ด้วย ปรับประมาณการกำไรปีนี้ขึ้น 181% แนะนำ ซื้อ ประเมินราคาเหมาะสมอิง PBV 1 เท่า ได้ที่ 0.93 บาท
งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158%QoQ
งวด 2Q65 กำไรสุทธิ 70 ล้านบาท (+158%QoQ, Turnaround YoY) นับเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ยืนยันภาพการ Turnaround ที่ชัดเจนขึ้น หลังงานใหม่ที่ NWR ได้รับจำนวนมากตั้งแต่ปี 2564-ปัจจุบัน เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการก่อสร้าง ส่งผลให้มีรายได้ ก่อสร้างเพิ่มขึ้น 23%YoY อยู่ที่ 2,744 ล้านบาท และมี Gross margin 6.94% ใกล้เคียงงวด 1Q65 เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แม้ราคาปูนซีเมนต์ และคอนกรีตจะปรับขึ้น แต่ราคาเหล็กเริ่มมีทิศทางปรับลง ทำให้ NWR ยังคงใช้สมมุติฐาน Budget เดิม ด้านธุรกิจขายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีรายได้ 210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 151%YoY และประคองตัวมีกำไร 30 ล้านบาท มีเพียงธุรกิจอสังหาฯ ที่ยังคงขาดทุน 12 ล้านบาท เนื่องจากโครงการที่ Active เหลืออีกไม่มาก คือ บารานี พาร์ค และเอสเพน คอนโด เฟส C จึงมีรายได้ลดลง 52%YoY เหลือเพียง 100 ล้านบาท
มุมมองธุรกิจเป็นบวก ยังรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ต่อเนื่อง
การได้รับงานใหม่เข้ามาจำนวนมากถึง 1.4 หมื่นล้านบาท ในปี 2564 และได้งานเพิ่มอีก 1.1 หมื่นล้านบาทในช่วง 1H65 ส่งผลให้ปัจจุบัน NWR มี Backlog คงเหลือเกือบ 4 หมื่นล้านบาท เพียงพอรองรับรายได้ระดับมากกว่า 3 พันล้านบาท/ไตรมาส ไปได้อย่างน้อย 3 ปี ซึ่งเริ่มเห็นผลบวกชัดเจนต่อรายได้ตั้งแต่งวด 4Q64 ต่อเนื่องถึง 2Q65 โดย NWR ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ก่อสร้างปีนี้ 20-30%YoY อยู่ที่ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท สำหรับงบรวมตั้งเป้ารายได้เติบโต 30-50%YoY อยู่ที่ 1.3-1.5 หมื่นล้านบาท ด้านอัตรา กำไรขั้นต้น ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาเหล็กเส้นปรับลดลงเกือบ 20% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและราคาปูนซีเมนต์ค่อนข้างทรงตัว เชื่อว่าช่วงที่เหลือของปี NWR ไม่น่าจะมีการ Adjust Budget ที่นำไปสู่การปรับถอดกำไรที่เคยรับรู้ในอดีตออก และทำให้มี Gross margin กลับไปติดลบเหมือนในอดีต โดยประเมิน Gross margin เฉลี่ยปีนี้ไว้ที่ 7.7% ด้วยฐานรายได้รวมที่ขยับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้สัดส่วน SG&A/Sale ปรับลดลงมาอยู่ที่ ระดับ 5% เกิดส่วนต่างที่ทำให้ NWR สามารถกลับมาทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
แนะนํา ชื้อ ประเมินราคาเหมาะสม 0.93 บาท
ผลประกอบการ 1H65 ทำกำไรได้ 98 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการกำไรทั้งปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 59 ล้านบาท โดยความต่อเนื่องของกำไรที่น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่วง 2H65 ทําให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการกำไรปี 2565-66 ขึ้น 181% และ 73% ตามลำดับ โดยคาดปี 2565 NWR จะมีกำไรสุทธิ 165 ล้านบาท Turnaround จากปี 2564 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 768 ล้านบาท ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรสุทธิ 233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42%YoY โดยประเมินราคาเหมาะสมถึง PBV 1 เท่า อยู่ที่ 0.93 บาท มี Upside 26% พร้อมกระแสเชิงบวกจากการนำบริษัทย่อยคือ บมจ.ยูทิลิตี้ บิสิเนส อัลลายแอนซ์ (UBA) ที่ทำธุรกิจบริหารจัดการน้ำ NWR ถือหุ้น 60% เข้าจดทะเบียนในตลาด MAI ซึ่งจะช่วย Unlock Value ให้กับ NWR และทำให้ UBA มีศักยภาพการเติบโตที่สูงขึ้น แนะนำ ซื้อ
ประเด็นความเสี่ยง
1. ความเสี่ยงจากการรับงานใหม่น้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้
2.ความเสี่ยงจากการปรับเปลี่ยนกฎเกณฑ์เกี่ยวกับธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ
3. ความเสี่ยงจากการรับรู้รายได้ล่าช้ากว่ากำหนด
4.ความเสี่ยงจากต้นทุนที่สูงกว่าคาด เช่น การปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ราคาวัสดุก่อสร้างที่ผันผวน เป็นต้น
5.ความเสี่ยงจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญลูกหนี้ในพม่า ซึ่งยังมี ยอดคงค้าง 191 ล้านบาท
NWR แนะนํา ซื้อ
ราคาปัจจุบัน (บาท) 0.74
ราคาเป้าหมาย (บาท) 0.93
Upside (%) 26.02
Dividend yield (%) 0.00