บล.เอเซีย พลัส: 

2Q65 ตามคาด และ 2H65 จะดีกว่า 1H65

กำไร 2Q65 ตามคาด 273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% yoy และ 148% qoq จากยอดโอนฯ 1.57 พันล้านบาท เพิ่ม 46% yoy และ 50% qoq เนื่องจากการเริ่มโอนฯ 1 คอนโดฯ ใหม่ และขายโอนฯ ต่อเนื่องของกลุ่ม Campus Condo อย่าง KAVE ซึ่งมีมาร์จิ้นสูง ทำให้ Gross Margin ขายฯ 44.6% ดีขึ้นจาก 41% งวดก่อน (แต่ลดลงจากระดับสูง 47.4% งวด 2Q64 ซึ่งมีสัดส่วนโอนฯ จากกลุ่ม KAVE มากกว่า 2Q65) แม้ปรับลดกำไรปกติปี 2565 ลงจากเดิม 7% เพื่อสะท้อนความระมัดระวังมากขึ้น หลังกำไร 1H65 คิดเป็น 36% ของเป้ากำไรเดิม รวมถึง SG&A ที่มีแนวโน้มสูงกว่าคาด แต่กำไรปกติปีนี้ยังเพิ่ม 7.2% yoy อยู่ที่ 963 ล้านบาท และแนวโน้มกำไร 2H65 จะดีกว่า 1H65 หนุนด้วยการโอนฯ 3 คอนโดฯ ใหม่ คาดผลักดันผลประกอบการ 3Q-4Q65 เติบโต YoY ขณะที่ FV ใหม่ปีนี้ที่ 9.00 บาท ยังมี upside ราว 15% แนะนำซื้อ ราคาหุ้นมี PER ซื้อขาย 7 เท่า และคาด Div Yield ปีนี้ 6.7%

กําไร 2Q65 ดีตามคาด

งวด 2Q65 กำไรปกติตามคาด 273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% yoy และ 148% qoq หนุนจากรายได้ขายอสังหาฯ สูงขึ้น 46% yoy และ 50% qoq อยู่ที่ 1.57 พันล้านบาท หลักๆ จากการเริ่มส่งมอบโครงการใหม่ Ivory 32 ราว 236 ล้านบาท และการขายโอนฯ โครงการเดิม โดยเฉพาะ Campus Condo อย่าง KAVE Town Shift / KAVE TU เฟส 1 รวมกันคิดเป็นสัดส่วน 42% ของยอดโอนฯ หรือ 660 ล้านบาท ซึ่งกลุ่ม KAVE ถือเป็นโครงการที่มีมาร์จิ้น ซึ่งทำให้ Gross Margin ขายฯ ขยับขึ้นเป็น 44.6% เทียบกับ 41% งวดก่อน (แต่ลดลงจากสูง 47.4% งวดปีก่อน ซึ่งมีสัดส่วนโอนฯ จาก KAVE มากกว่า 2065) ด้าน SG&A/Sales อยู่ที่ 20% ลดลงจาก 24% งวดก่อน ตามรายได้สูงขึ้น (แต่สูงกว่า 18% งวดปีก่อน เหตุจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นทั้งส่วนบุคคลากรและเปิดโครงการใหม่ที่มีจำนวนมากขึ้น)

ด้านโครงสร้างการเงินสิ้น มิ.ย. 2565 มี Net Gearing เพิ่มเป็น 1.16 เท่า สูงขึ้นจาก 0.82 เท่างวดก่อน จากภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม และออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อรองรับแผนเปิดโครงการใหม่ที่มากขึ้น

2H65 มีแรงหนุนจากโอนๆ 3 คอนโดฯ ใหม่

ตามกำหนดการส่งมอบ 3 คอนโดฯ ใหม่ที่จะเกิดขึ้นใน 2H65 ประกอบด้วย KAVE Salaya (JV) มูลค่า 1.2 พันล้านบาท (ยอดจอง ณ ก.ค. 2565 ที่ 64%) ใน 3Q65 ตามด้วยอีก 2 โครงการใหม่ คือ Modiz บางโพ มูลค่า 1.2 พันล้านบาท (จอง 53%) และ KVAE Ava มูลค่า 2.46 พันล้านบาท (ขายแล้ว 66%) ที่มีกำหนดสร้างเสร็จพร้อมโอนฯ 4Q65 คาดเป็นส่วนสนับสนุนต่อการดำเนินงาน 2H65 เร่งตัวมากขึ้นกว่า 1H65 ที่มีกำไรปกติ 382 ล้านบาท โดยให้น้ำหนักไปที่ 4Q65 คาดเป็นจุดสูงสุดของปี แต่อย่างไรก็ดี ด้วยกำไรปกติ 1H65 คิดเป็น 36% ของเป้ากำไรเดิม เพื่อสะท้อนความระมัดระวังมากขึ้น และค่าใช้จ่ายขายบริหารที่มีแนวโน้มสูงกว่าที่ประเมินไว้ จึงปรับกำไรปกติปีนี้ลงจากเดิม 7% อยู่ที่ 963 ล้าน บาท (+7.2% yoy) หากรวมกำไรพิเศษ 1Q65 ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1.08 พันล้านบาท

คงแนะนําซื้อ…FV ใหม่ที่ 9.00 บาท

คง PER 8 เท่า FV ใหม่ปี 2565 ที่ 9.00 บาท (เดิม 9.65) มี upside ราว 15% คงแนะนำ ซื้อ โดยราคาหุ้นมี PER ซื้อขาย 7 เท่า และคาด Div Yield เฉลี่ย 6.7% ต่อปี (ภายใต้คาดการณ์ Div Payout Ratio 47%) ขณะที่ผลประกอบการ 3Q-4Q65 คาดเติบโต YoY

ESG

Environment: ดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวปฏิบัติตั้งแต่ภายในสำนักงาน จนถึงการก่อสร้างโครงการ ผ่านทำ EIA ตลอดจนโครงการที่แล้วเสร็จส่งมอบให้ลูกค้า

Social: ส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้พนักงานผ่านสวัสดิการต่างๆ เช่น สิทธิพิเศษในการซื้อที่อยู่อาศัย ฯลฯ รวมถึงมีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนและ สังคม เช่น จัดกิจกรรมวิ่ง งานจิตอาสาแก่เด็กๆ ในชุมชน

Governance: กำหนดให้เผยแพร่นโยบายการกำกับดูแลกิจการทั้งในและภายนอกบริษัท เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ เสียทุกฝ่ายรับทราบและนำไปปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ

ประเด็นความเสี่ยง

1.ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ได้แก่ ความเชื่อมั่นต่อการสร้างรายได้ในอนาคตของผู้ซื้อ หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาด ก็จะกระทบความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และนำมาสู่การชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย

2.ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง อาจทําให้การ ควบคุมเรื่องประสิทธิภาพการทำกำไรทำได้ยากขึ้น

ASW แนะนํา ซื้อ

ราคาปัจจุบัน (บาท) 7.85

ราคาเป้าหมาย (บาท) 9.00

Upside (%) 14.60

Dividend yield (%) 6.70

- Advertisement -