Daily Focus: Domestic and Reopening Play

2022SET Target: 1670

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังคงแกว่งตัวขึ้นได้อีกเล็กน้อย ปิดบวก 4.70 จุด โดย DELTA หนุนตลาด 4 จุด ส่วนกลุ่มโรงกลั่นปรับตัวแข็งแกร่งตามค่าการกลั่นที่ขยับขึ้น สถาบันในประเทศยังขายสุทธิในตลาดหุ้นอีก 602 ลบ. แต่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหนาแน่นต่อเนื่อง อีก 5 พันลบ. (แต่พลิกมา Short Index Futures ราว 8 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways to Sideways Up โดยมีโอกาสผ่านแนวต้าน 1,630+- จุดมากขึ้น หนุนจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ยังไหลเข้าหนาแน่นรับเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในทิศทางขาขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเมิน Upside ระยะสั้นยังไม่กว้าง และมีโอกาสพักตัวหลังปรับขึ้นค่อนข้างเร็วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคืนนี้คือรายงานการประชุม FOMC ว่าจะมีมุมมองต่อเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไปแรงแค่ไหน ส่วนแรงกดดันเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะพีคในเดือน ก.ค.-ส.ค. ก่อนชะลอตัวลงในระยะถัดไป หลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ต้องติดตามเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งกำลังไต่ระดับจากต้นทุนการผลิต ด้านกลยุทธ์เรายังชอบกลุ่ม Domestic และ Reopening Play ตามภาพเศรษฐกิจที่จะกลับไปเท่าช่วงก่อน COVID-19 ในช่วง 4Q22-2Q23 โดยระยะสั้นเน้นหุ้นที่ Laggard ตลาดจาก Upside ของ SET Index ที่จํากัดมากขึ้นเทียบกับ SET Target ที่ 1,670 จุด เรามองการปรับขึ้นของดัชนีระยะนี้เป็นจังหวะแบ่งทำกำไรระยะสั้นบางส่วน โดยเฉพาะเมื่อ เห็น Flow ต่างชาติเริ่มชะลอ และ Short ปิดสถานะ Long Index Futures อย่างหนาแน่น และรอสะสมหุ้นกลับในช่วงอ่อนตัว

กลยุทธ์ : ยังเน้นลงทุนกลุ่ม Domestic และ Reopening Play // ทำกำไรบางส่วนบริเวณ 1,630+ จุด

หุ้นเด่นเดือน ส.ค. : BBL, ILINK, NSL, SAPPE, SC

หุ้นเด่นวันนี้ : PTG

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายจาก FSSIA 18.30 บาท
  • แนวโน้มผลประกอบการเป็นขาขึ้นต่อเนื่องใน 2H22 ตามการ Reopen หนุนปริมาณขายน้ำมัน ค่าการตลาดที่คาดทยอยดีขึ้นเป็น 1.8-1.9 บาท/ลิตร รวมถึงธุรกิจ Non-Oil ฟื้นตัวต่อเนื่อง
  • เราคาดกำไรปี 2022 +77% Y-Y และจะเร่งขึ้นต่อเนื่อง +27% Y-Y ในปี 2023 ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2023PER เพียง 11 เท่า
  • แนวรับ 15-14.80 บาท แนวต้าน 16 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องอีก US$221 ล้าน เม็ดเงิน ไหลเข้าทุกประเทศนำโดยไทยและเกาหลีใต้ประเทศละ US$131-141 ล้าน มีเพียงไต้หวันที่ยังคงไหลออก US$161 จากความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้า และรอจับตาดูรายงานการประชุม FED คืนนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) สรุปกำไร 2Q22 บจ.ดีกว่าคาด กำไรปกติ +38% Q-Q, +49% Y-Y ดีกว่าคาด 8% จากกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันดิบและค่าการกลั่นที่พุ่ง ปิโตรเคมี การแพทย์ และ DELTA เป็นหลัก ส่วนกลุ่มที่กำไรแย่กว่าคาดคือค้าปลีกและรับเหมาฯ แนวโน้มกำไร 3Q22 อาจชะลอ Q-Q จากปัจจัยฤดูกาลและกลุ่มพลังงานไม่มี Stock Gain หนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ชะลอ แต่คาดยังโตแกร่ง Y-Y และเร่งขึ้นใน 4Q22 โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว เรายังชอบกลุ่ม Domestic และ Reopening Play หุ้นที่เราชอบ ได้แก่ BBL BDMS CK CPN CPALL SAPPE SC SHR SISB TFG

(+) กลุ่มสินค้า IT กำไร 2Q22 ของกลุ่ม (COM7, CPW, SPVI, SYNEX) -21% Q-Q ตามฤดูกาลและ +1% Y-Y รายได้ยังแข็งแรงและรักษา Gross Margin ได้ แต่รายจ่าย SG&A สูงขึ้นจากการแข่งขัน ค่าเช่าร้าน และค่าการตลาด กำไรส่วนใหญ่จึงลดลงกว่า -20% Q-Q ยกเว้น SPVI ที่ลดเพียง -3% Q-Q หากเทียบ Y-Y ถือว่า SPVI โตดีสุด ส่วน COM7, SYNEX ได้ส่วนแบ่งกำไรจาก NCAP น้อยลงมาก เราคาดกำไรของกลุ่มปีนี้ +10% Y-Y ลดจากปีก่อนที่ได้อานิสงส์จาก COVID-19 ซึ่ง +63% Y-Y และกลับมาโต +21% Y-Y ในปี 2023 ราคาหุ้นปรับลงเฉลี่ย 30% YTD ขณะที่กำลังเข้า High season เราจึงแนะนำ SPVI (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 6 บาท) และ COM7 (ราคาเป้าหมาย 40 บาท)

(-) NRF การฟื้นตัวของผลการดำเนินงานยังช้า แม้ผู้บริหารจะยังตั้งเป้ารายได้ปีนี้ +50% Y-Y แต่เราคาดว่าเป็นไปได้ยาก ธุรกิจหลัก Ethnic Food และ Plant Based ฟื้นตัวช้า ขณะที่ต้นทุนปรับสูงขึ้น ส่วน E-Commerce ยังขาดทุนจากค่าใช้จ่ายที่สูง บริษัทมีโครงการหลายอย่างที่จะทำทั้งการรุกธุรกิจ Pet Food กัญชง โรงงานเก็บคาร์บอน และขุด BTC อย่างไรก็ตาม เราจะปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลงเป็น -64% Y-Y ก่อนฟื้นตัว +317% Y-Y ปีหน้าจากฐานต่ำ ส่วนราคาเป้าหมายปี 2023 อยู่ในกรอบ 5-5.50 บาท ยังไมน่าสนใจในการเข้าลงทุน

(+) ตลาดดาวโจนส์ ปิดที่ 34,152.01 จุด พุ่งขึ้น 239.57 จุด หรือ +0.71% จากผลประกอบการของกลุ่มค้าปลีกสหรัฐที่ดีเกินคาด ช่วยให้ตลาดมีมุมมองเชิงบวกต่อการอุปโภคบริโภค

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มปลอดภัยและกลุ่มเหมืองแร่

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปรับบวก ตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ

(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 35.33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 2.88 ดอลลาร์ หรือ -3.2% ปิดที่ 86.53 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตลาดกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย หลังจากสหรัฐและจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ

(-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 8.4 ดอลลาร์ หรือ -0.47% ปิดที่ 1,789.7 ดอลลาร์/ออนซ์ จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้นเป็นปัจจัยกดดันตลาด

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 992.2 / -1.74

- Advertisement -