ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index เพิ่มขึ้น 10 จุด จาก Fund flow ไหลเข้า โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 อีก 5,701 ล้านบาท หนุนหุ้น Big cap ปรับตัวขึ้นเด่น นำโดยกลุ่มโรงกลั่น (SPRC ESSO BCP TOP) และ กลุ่มธนาคาร (KBANK SCB TTB) อีกทั้งยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม Domestic play ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลง อาทิ กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มโรงไฟฟ้า

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้

ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,625 – 1,630 จุด แม้ Fund flow ต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง (Net buy 3.5 หมื่นลบ. MTD.)จะเป็นแรงหนุนดัชนี อย่างไรก็ตามความกังวล FED ขึ้นดอกเบี้ยกลับมากดดันอีกครั้งหลังรายงานการประชุม FED ระบุจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับที่ควบคุมได้ ประกอบกับภาวะ Overbought ตามทางเทคนิคที่จะเป็นอีกแรงกดดันต่อภาวะการลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • KBANK BBL SCB KTB TTB  อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น
  • GPSC BGRIM GULF RATCH SCGP SCC EPG TASCO  อานิสงส์ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง
  • BEM BTS INTUCH ADVANC DTAC BDMS BH หุ้น Defensive ในช่วงตลาดผันผวน

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TTB (ปิด 1.22 ซื้อ/เป้า 1.60 บาท) ราคาหุ้น Underperform ตลาดมาก YTD ติดลบ 17% ขณะที่ภาพรวมธุรกิจได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น และ TTB คาดว่าจะเป็นธนาคารที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 20% ในปีนี้ดีสุดของกลุ่มธนาคารขนาดกลางถึงเล็ก
  • SNNP (ปิด 16.50 ซื้อ/เป้า 18 บาท) ผลประกอบการทยอยฟื้นตัว ได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบไม่มากสะท้อนจากงบ 2Q22 ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%qoq และ 51%yoy แนวโน้มครึ่งปีหลังดีต่อเนื่องจาก GPM ที่เพิ่มขึ้นหลังราคาข้าวสาลีซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวลง

บทวิเคราะห์วันนี้: BANPU, CKP, CHG

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+/-) FED Minutes หนุนขึ้นดอกเบี้ยแต่ไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นเหมือนสองครั้งที่ผ่านมา: เฟดเปิดเผยรายงานการประชุม (FED Minutes) ออกมาตามที่เราคาดไว้ โดยคณะกรรมการส่วนใหญ่สนับสนุนให้เฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามด้วย ศก. สหรัฐที่เสี่ยงเกิดภาวะถดถอย การปรับขึ้นดอกเบี้ยจึงไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้น 0.75% เหมือนสองครั้งที่ผ่านมา (FED Watch tools ปรับเพิ่มโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% เป็น 64.5% จากเดิม 59%)

(-) ดาวโจนส์ลดลง 172 จุด ผิดหวังกำไรหุ้นในกลุ่มค้าปลีก: ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ลดลง 172 จุด (-0.5%) ปิดที่ระดับ 33,980 จุด จากแรงเทขายหุ้นในกลุ่มค้าปลีก หลังจาก ทาร์เก็ต ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐประกาศงบ 2Q22 มีกำไรต่อหุ้นต่ำเพียง 39 เซนต์/หุ้น ลดลง 90% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่  3.65 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากการลดราคาสินค้าเพื่อระบายสต็อกจำนวนมากในคลังสินค้า

(+) สต๊อกน้ำมันในสหรัฐลดลงหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว: ราคาน้ำมันดิบ WTI กลับมาเพิ่มขึ้น 1.58$ (+1.8%) ปิดที่ระดับ 88.11 $/bbl ตอบรับข่าวสหรัฐรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ลดลง 7.1 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.7 ล้านบาร์เรล เช่นเดียวกับน้ำมันเบนซินลดลง 4.6 มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลเช่นกัน

 

- Advertisement -