ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
บวกต่อ น่าจะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศ
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันพฤหัสฯ ปรับขึ้นต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยยังคงมีแรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ (ต่างชาติซื้อสุทธิต่อ 5.70 พันล้านบาท และซื้อสะสมตั้งแต่ต้นเดือน ส.ค. อยู่ที่ 3.50 หมื่นล้านบาท) หนุนหุ้นตัวหลักๆ ขณะที่ในวันนี้ปัจจัยต่างประเทศเป็นลบเล็กน้อย กล่าวคือ 1) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานหลังจากดัชนีดาวโจนส์ขึ้นมา 5 วันติดต่อกัน ตอบรับตัวเลขยอดค้าปลีก ก.ค. ที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่ consensus คาด 1) รายงานการประชุมเฟด (Fed minutes) จากเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนกว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่เฟดก็พร้อมที่จะปรับนโยบายการเงินไปตามตัวเลขเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปเช่นกัน หลังจากรายงานดังกล่าวออกมา สัญญาเฟดฟันด์ฟิวเจอร์ยังคงให้น้ำหนักเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 3.00% ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. ทั้งนี้แม้ปัจจัยภายนอกมีแรงกดดันบ้าง แต่แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ยังมีนัยสำคัญมากกว่า และน่าจะส่งผลให้ SET Index ปรับตัวโดดเด่นกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศได้ ส่วนในคืนวันนี้ สหรัฐฯ จะยังมีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดขายบ้านมือสอง ก.ค. เป็นต้น…. ด้านปัจจัยภายในประเทศ เมื่อวานนี้ ส.ส. ฝ่ายค้านเข้าชื่อยื่นต่อประธานสภาฯ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกรณีการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกฯ ประยุทธ์ ซึ่งต้องติดตามไทม์ไลน์ของการพิจารณาและการแถลงคำตัดสินต่อไป
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร MAJOR*, TFG, UBE
- MAJOR* (เป้าพื้นฐาน 26.75 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.8 บาท / แนวต้าน 20.3 – 20.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 21.0 บาท (Stop loss 19.0 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard กลุ่มเปิดเมือง ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H65 คาดฟื้นตัวเด่นต่อเนื่อง จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเต็มรูปแบบแล้ว ขณะที่หนังฟอร์มยักษ์ทยอยเข้าฉาย (Thor Love and Thunder, บุพเพ 2, Avatar, Black Planter, One Piece Film: Red เป็นต้น) 3) ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไรปีหน้า กลับคืนสู่ระดับ +1 พันล้านบาท/ปี ส่งผลให้ Forward PE ต่ำเพียง +/- 15 เท่า (ค่าเฉลี่ย +/- 30 เท่า) / PBV ต่ำเพียง 2.69 เท่า (ค่าเฉลี่ย 3.3 เท่า)
- TFG (เป้าพื้นฐาน 10.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 6.15 บาท / แนวต้าน 6.4 – 6.75 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 7.0 บาท (Stop loss 5.7 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 โตเด่นต่อเนื่อง จากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ (หมู + ไก่) ที่ยังสูงต่อเนื่อง QoQ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เริ่มทรงตัว และ 3Q65 โดยปกติเป็น High season สำหรับการส่งออกอาหาร 3) Forward PE ปีนี้ต่ำเพียง +/- 8 เท่า ขณะที่คาดกำไรโตเด่นยืนเหนือ +4 พันล้านบาทในปี 2565 – 66 (จากกำไรเพียง 562 ล้านบาทในปี 2564)
- UBE (เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 1.87 บาท / แนวต้าน 1.95 – 2.04 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 2.2 บาท (Stop loss 1.8 บาท) 2) เราประเมินผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดของปีใน 2Q65 (กำไรลดลง QoQ) และคาดจะเริ่มกลับมา เติบโตใน 3065 จาก i) ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานเอทานอลใน 3Q65 เช่นใน 2Q65 ii) เป็นฤดูส่งออกสินค้าอาหาร iii) ปริมาณขายเอทานอลและราคาขายในประเทศเริ่มฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ และปริมาณอุปทานในประเทศที่อยู่ในระดับต่ำ 3) Forward PE ต่ำเพียง +/-15 เท่า ขณะที่คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะกลับมาโตเด่น
หุ้นมีข่าว
(+) BANPU ลุยเฮลท์แคร์สหรัฐ ชี้ “นิวเอสเคิร์ฟ” สร้างกำไรเพิ่มในอนาคต (กรุงเทพธุรกิจ) คาดปิดดีลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม 2 แห่ง ในเวียดนาม กำลังผลิต 65 เมกะวัตต์ “บ้านปู” เดินกลยุทธ์ Greener & Smarter เล็งเข้าลงทุนโดยตรง “บริษัทเฮลท์แคร์” ในสหรัฐ หลังลงทุนในกองทุนแล้ว พร้อมเพิ่มพอร์ตธุรกิจใหม่นอกเหนือพลังงาน ทั้ง “ธุรกิจอี-เทคโนโลยีพลังงาน” ขยายลงทุนธุรกิจพลังงานต่อ รับราคาพลังงานพุ่ง ดันรายได้-อิบิทดาปีนี้นิวไฮ
(+) RATCH* ทุ่ม 2.1 หมื่นล.ฮุบโรงไฟฟ้า 1.5 พันเมก (ทันหุ้น) RATCH* ปิดดีลใหญ่ ทุ่มงบ 2.1 หมื่นล้านบาท ซื้อพอร์ตโรงไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานจากกลุ่ม Nexif และ Denham กำลังผลิตรวม 1,500 เมกะวัตต์ ดันกำลังผลิตสู่เป้าหมาย 10,000 เมกะวัตต์ พร้อมจับมือร่วมทุน Nexif พัฒนาโครงการ และต่อยอดขยายธุรกิจในอนาคต และขับเคลื่อนไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ด้วย
(+) TTB* เปิดบัตรเงินสด รุกสินเชื่อบ้านแลกเงิน (กรุงเทพธุรกิจ) “ทีทีบี” รุกสินเชื่อ บ้านแลกเงิน พร้อมเปิดตัว “บัตรกดเงินสด ทีทีบีบ้านแลกเงิน” ครั้งแรกในไทย เพื่อใช้เงินยืดหยุ่นขึ้น เลือกใช้วงเงินทั้งก้อน หรือแบ่งใช้เฉพาะจำเป็นดอกเบี้ยต่ำ 6.78% ตั้งเป้า 5 ปี สัดส่วนเพิ่มเป็น 15% ตั้งเป้าสินเชื่อปล่อยใหม่ปีนี้แตะ 6.6 หมื่นล้าน
(+) BEM* ปีนี้กำไรเกิน 1 พันล้าน ลุ้นผลประมูลรถไฟฟ้าสีส้ม (ข่าวหุ้น) BEM* ส่งซิกปีนี้กำไรเกิน 1,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อนแน่นอน! รับแรงหนุนโควิด-19 ดีขึ้น คาดทั้งปีผู้ใช้ทางด่วนปิดที่ 1 ล้านคันต่อวัน ส่วนผู้โดยสารรถไฟฟ้าเฉลี่ยเกือบ 3 แสนเที่ยวคนต่อวัน ลุ้นผลประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มหลังแข่งยื่นข้อเสนอ พร้อมรอความชัดเจนทำทางด่วน 2 ชั้น เจรจาเดินรถสีม่วงใต้
(+) TFG ดีมานด์ ราคาไก่-หมูโต รุกสาขาดันรายได้ 15-20% (ทันหุ้น) บิ๊ก TFG “เพชร นันทวิสัย” ประกาศเดินหน้าขยายสาขา “ร้านไทยฟูดส์ เฟรช มาร์เก็ต” เล็งสิ้นปีนี้แตะ 200-220 สาขา หวังต่อยอดขายดันผลงานปี 2565 โตเข้าเป้า 15-20% จากส่งออกราคาหมู-ไก่หนุน โชว์งบไตรมาส 2/2565 ทำกำไรสุทธิ 1,238.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.30% จ่ายปันผลระหว่างกาล 0.10 บาทต่อหุ้น
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- หุ้นที่แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนดจุดขายทำกำไร PTG* (Trailing stop 15.1 บาท) KBANK (Trailing stop 151 บาท) ILM (Trailing stop 18.8)
- COM7* (เป้าพื้นฐาน 37 บาท) แนวรับ 33.25 บาท / แนวต้าน 35 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 32 บาท)
- BGRIM* (เป้าพื้นฐาน 41 บาท) แนวรับ 38.5 บาท / แนวต้าน 40 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 38 บาท)
- GPSC* (เป้าพื้นฐาน 82 บาท) แนวรับ 71 บาท / แนวต้าน 72.5 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 70 บาท)
- LEO (เป้าพื้นฐาน 19 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.1 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run (Trailing stop 12.5 บาท)
- HMPRO* (เป้าพื้นฐาน 17.5 บาท) แนวรับ 13.9 บาท / แนวต้าน 14.3-14.5 บาท (Trailing stop 13.6 บาท)
- SNNP (เป้า Consensus 19.9 บาท) แนวรับ 16.2 บาท / แนวต้าน 16.9-17.5 บาท (Trailing stop 15.9 บาท)
- ERW* (เป้าพื้นฐาน 4.7 บาท) แนวรับ 3.80 บาท / แนวต้าน 4.0-4.1 บาท (Stop loss 3.74 บาท)
- ECL (เป้าพื้นฐาน 3.4 บาท) แนวรับ 2.38 บาท / แนวต้าน 2.5-2.6 บาท (Stop loss 2.34 บาท)
- CRC* (เป้า Consensus 43.2 บาท) แนวรับ 39 บาท / แนวต้าน 40-41.5 บาท (Stop loss 38 บาท)
- CHAYO (เป้า Consensus 17.2 บาท) แนวรับ 10.8 บาท / แนวต้าน 11.1-11.3 บาท (Stop loss 10.6 บาท)
- BCH* (เป้าพื้นฐาน 28 บาท) แนวรับ 20 บาท / แนวต้าน 20.8-21.0 บาท (Stop loss 20 บาท)
- IP (เป้า Consensus 24.9 บาท) แนวรับ 17.6 บาท / แนวต้าน 18.4-18.7 บาท (Stop loss 17.4 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- PTG* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 19.5 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นบวก ฝ่ายวิจัยฯ ปรับสมมติฐานค่าการตลาดฯ ขึ้นสะท้อนสถานการณ์ในปัจจุบัน (เดือน ก.ค. +2 บาท/ลิตร จากค่าเฉลี่ย 1.8 – 1.9 บาท/ลิตร) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 19.5 บาท (เดิม 17.8 บาท)
- CKP* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 5.8 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง โครงการต่างๆ ยังเป็นไปตามแผนเดิม อย่างไรก็ดี ประเด็นปริมาณน้ำที่เต็มเขื่อนในขณะนี้ คาดเป็น Sentimentบวกต่อแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 (เป็นจุดสูงสุดของปี)
- BPP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 18.4 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นกลาง โครงการต่างๆ ยังเป็นไปตามแผนเดิม คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 2H65 โต HoH
- TIDLQR* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 37 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯ ขึ้น จากมุมมองแนวโน้มสินเชื่อที่เป็นบวกมากขึ้น แม้คาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้น และ credit cost ยังสูง แต่สามารถบริหารจัดการได้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 37 บาท
- SICT แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 9.2 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ผู้บริหารให้มุมมองที่อนุรักษ์นิยมมากเกินไป โดยเฉพาะประเด็นเรื่องห่วงโซ่อุปทาน แต่ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน แนวโน้มรายได้ปีนี้จะโตได้ +24% YoY มากกว่าที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้เพียง +13% YoY
- CENTEL* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 46 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q65 ยังดีต่อเนื่อง YoY, QoQ อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นขึ้นมาสะท้อนปัจจัยบวกไปพอสมควรแล้ว Upside จำกัด จึงแนะนำเพียง “ถือ”