Our View? “รับแรงกระแทก”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Down” มองแนวรับที่บริเวณ 1,595 และแนวต้านที่บริเวณ 1,620 มองตลาดยังคงได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% อีกครั้ง ในการประชุม FOMC ในเดือน ก.ย. หลังประธาน FED หลายสาขาสนับสนุนการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ โดยล่าสุด CME FED Watch Tools บ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 55.0% จากเดิมคาดที่การขึ้นเพียง 0.50% ในสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งนี้เราแนะนำติดตามการประชุม Jackson Hole วันที่ 25-27 ส.ค. นี้ คาดจะเห็นทิศทางรวมทั้งท่าทีทางนโยบายทางการเงินของ FED มากขึ้น ทั้งนี้สิ่งที่เราค่อนข้างมีความกังวลต่อตลาด คือ การที่ FED จะปรับเพิ่มวงเงินในการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) โดยคาดว่าในช่วงเดือน ก.ย. นี้ FED จะเพิ่มการท่า QT สู่ระดับ 9.5 หมื่นล้าน/เดือน โดยเป็นการปล่อยให้พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) วงเงิน 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หมดอายุลงโดยไม่มีการต่ออายุใหม่ ซึ่งถือเป็นการลดสภาพคล่องในตลาดโลกลง กดดันกระแสเงินทุนส่วนเกินลดลงเช่นกัน คาดจะกดดันทิศทางตลาดอ่อนตัวลงเพื่อปรับฐานใหม่ได้อีกครั้ง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้ปรับตัวค่อนข้างผันผวน โดยเป็นการอ่อนตัวลงก่อนจากความกังวลการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED คาดจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยกระทบต่ออุปสงค์น้ำมัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้หลัง ซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า OPEC+ มีความยืดหยุ่นในนโยบายกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ทุกเวลาและในรูปแบบที่แตกต่างกัน เป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวกลับขึ้นได้ คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่มพลังงานในประเทศประคองตลาดได้บ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาดแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติมหาอำนาจ คาดจะสามารถบรรลุข้อตกลงดังกล่าวได้ในช่วง 1-2 สัปดาห์หน้า ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านมีโอกาสส่งน้ำมันกลับเข้าสู่ตลาดโลกได้อีกครั้งในระยะถัดไป คาดยังเป็นปัจจัยกดดัน จำกัด Upside ของราคาน้ำมันและหุ้นในกลุ่มพลังงานได้อยุ่

สําหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้แนะนำติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี คาดจะเป็น Noise เข้ามารบกวนตลาดได้บ้าง ขณะที่คาดว่าการเร่งตัวขึ้นอีกครั้งของ Dollar Index คาดจะส่งผลให้ค่าเงินบาทเริ่มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งในช่วงสั้น อาจชะลอการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติได้บ้าง ซึ่งส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Big Cap. ชะลอตัวลงเช่นกัน อีกทั้งเรายังมองตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงจากระดับ 1,520 – 1,640 ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จน Valuation ของตลาดในปัจจุบันที่เริ่มกลับมาตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า เริ่มอยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำากัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “PLANB”

กลยุทธ์ ทยอยชื้อสะสม แนวรับ 6.40 / 6.30 Target 7.00 17.40 Stop <6.25

- Advertisement -