บล.ฟิลลิป:

ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป – TU ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น

Key Point

แม้คาดการดำเนินงานปี 65 อาจไม่เติบโตอย่างบ.อื่นๆ ในกลุ่มส่งออกด้วยกัน จากปัจจัยลบที่กระทบ แต่คาดว่าจะเห็นพัฒนาการในทางบวกที่เป็นตัวขับเคลื่อนกำไรในอนาคตชัดขึ้น รวมถึงสินค้าใหม่ๆ จะทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มต่อธุรกิจเดิม และการนำหุ้น ITC เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ คงแนะนำ “ทยอยซื้อ” ราคาพื้นฐาน 19 บาท

เข้าสู่ฤดูกาล

ทางฝ่ายคาดช่วงครึ่งปีหลังซึ่งเป็นฤดูส่งออกของกลุ่มอาหารจะทำให้ปริมาณขายดีขึ้น รวมถึงยังได้อานิสงส์จากการคลายล็อกดาวน์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ทำให้ธุรกรรมเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ หนุนให้ยอดขายกลุ่ม Frozen, Ambient และ PetCare ดีขึ้น อีกทั้งต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นทำให้บริษัทมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้น และคาดยังมีผลต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง และเริ่มเห็นสัญญาณค่าระวางเรือที่ลดลงจะทำให้แนวโน้มค่าใช้จ่ายปรับลงตามด้วย โดยในครึ่งปีแรกมีค่าใช้จ่ายจากค่าขนส่งถึง 1.3 พัน ลบ. (1Q65 ที่ 710 และ 2Q65 เหลือ 560 ลบ.) โดยทางฝ่ายได้ปรับประมาณการใหม่จากยอดขายที่ดีกว่าคาด และรับผลจากปัจจัยฤดูกาล ปรับยอดขายเป็น 157,081 ลบ. +11% y-y และปรับ margin ขึ้นจากเงินบาทอ่อนค่า แต่ปรับการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบ.ร่วมเพิ่มเป็น 900 ลบ. จากปรับขาดทุนของ RL เพิ่มขึ้น และปรับกำไรสุทธิเป็น 6,287 ลบ. -22% y-y

RL คงเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

ครั้งนี้ผู้บริหารได้พูดถึงการจะเข้าไปจัดการ, ปรับปรุงในด้านต่างๆ ของ RL อย่างจริงจังอีกครั้ง หลังกลับจากการไปเยี่ยมชมกิจการในสหรัฐ และคาดว่าจะเห็นผลใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดีต่อการฟื้นตัวในบริษัทดังกล่าว เนื่องจากตั้งแต่ซื้อ RL มาตั้งแต่ปี 2559 การดำเนินงานของ RL ขาดทุนอย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ TU ไปด้วย อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ทางบริษัทได้ปรับสมมติฐานการดำเนินงานของ RL ใหม่ เพื่อรวมผลกระทบที่เกิดขึ้นตามตารางที่ 1 และแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐจะปรับขึ้น แต่คาดว่า RL ไม่ต้องมีการปรับมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นกู้ที่ถืออยู่ เพราะได้ปรับสะท้อนอัตราดอกเบี้ยแล้ว และได้มีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น

แผนขยายกำลังการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม

บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตและเพิ่มพื้นที่ห้องเย็นในการจัดเก็บเพื่อรองรับอุปสงค์ที่ดีขึ้น โดยมี 3 โครงการ

1) สร้างห้องเย็นที่กานาเพิ่ม รองรับการผลิตได้อีก 8,000 ตัน ใช้เงินลงทุนราว 550 ลบ. และคาดจะเริ่มดำเนินการได้ในครึ่งแรกของปี 2566

2) ก่อสร้างโรงงานในการทำสินค้าสำเร็จรูป เช่น ติ่มซำ, เบเกอรี่ เป็นต้น รวมถึงการนำเครื่องจักรมาใช้เพิ่มขึ้น คาดจะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 38% ด้วยเงินลงทุน 1,200 ลบ. คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตใน 1Q66 และ

3) สินค้ากลุ่มใหม่ๆ คาดจะเริ่มผลิต 1Q66 เป็นต้นไป เงินลงทุน 877 ลบ. โดยบ.ยังคงเป้าสินค้ากลุ่มดังกล่าวว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 10% ของยอดขาย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ราว 5%

ตารางที่ 1: ตารางการดำเนินงาน RL และคาดการณ์ปี 2565

ที่มา TU

ความเสี่ยง

  1. การเกิดโรคระบาดในวัตถุดิบที่นำมาผลิต
  2. ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น
  3. กฎระเบียบการนำเข้าของคู่ค้าในประเทศต่างๆ
- Advertisement -