Our View? “แกร่งกว่า”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,622 และแนวต้านที่ บริเวณ 1,640 คาดตลาดยังคงติดตามการประชุม Jackson Hole วันที่ 25-27 ส.ค. นี้ คาดจะเห็นทิศทาง รวมทั้งท่าทีทางนโยบายทางการเงินของ FED เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) มากขึ้น ซึ่งท่าให้ตลาดยังอยู่ในโหมด Risk-off ต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขาแอตแลนตา รายงานแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐจะขยายตัวที่ระดับ 1.6% น้อยกว่าคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 1.8% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือน ก.ค. ปรับตัวลง -12.6% สู่ระดับ 5.1 แสนยูนิต ต่ำกว่าที่ตลาดคาดและต่ำสุดตั้งแต่ ม.ค. 59 อีก ทั้ง S&P Global รายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาครวมทั้งบริการและการผลิต (Composite PMI) เดือน ส.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ 45.0 ต่ำกว่าเดือนก่อนที่ระดับ 47.7 และต่ำกว่าระดับ 50.0 บ่งชี้คำสั่งซื้อใหม่ของภาคธุรกิจสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว เป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ดี เรามองตัวเลขดังกล่าวที่ออกมาค่อนข้างแย่กว่าที่ตลาดคาดจะเป็นปัจจัยลดทอนความกังวลในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงของ FED ในระยะถัดไป อีกทั้งมองเป็นปัจจัยกดดันทิศทาง Dollar Index อ่อนตัวลงได้ หลังขึ้นทดสอบแนวต้านที่จุดสูงสุดก่อนหน้าบริเวณ 109.3 จุด คาดจะเป็นแรงหนุนให้ตลาดในภูมิภาคเคลื่อนไหว Out Perform ตลาด สหรัฐได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้ฟื้นตัวขึ้นได้ดี ปิดที่ระดับ 93.74 ดอลลาร์/บาร์เรล +3.38 ดอลลาร์ (+3.74%) จากการที่ซาอุดิอาระเบียเปิดเผยว่า OPEC+ มีความยืดหยุ่นในนโยบายกำาลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันได้ทุกเวลาและในรูปแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับเพิ่มกำลังการผลิต หากอิหร่านสามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้ คาดจะหนุนทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานประคองตลาดได้ต่อ อย่างไรก็ตาม คืนนี้แนะนำติดตามการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐ คาดจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนได้บ้าง

สำหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้แนะนำติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ครบ 8 ปี คาดจะเป็น Noise เข้ามารบกวนตลาดได้บ้าง อย่างไรก็ตาม เรามีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเดือน ส.ค. ซื้อสุทธิไปกว่า 4.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยอดธุรกรรม Long SET50 Index Futures อยู่ที่ 1.21 แสนสัญญา อีกทั้งค่าเงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่าลงอีกครั้ง หลัง Dollar Index เริ่มอ่อนค่าเล็กน้อย คาดจะหนุนทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้ต่อ อย่างไรก็ดี เรายังมองตลาดหุ้นไทยในโซนสูงกว่า 1,640 เป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H’65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้ “CPALL”

กลยุทธ์ ทยอยชื้อสะสม แนวรับ 61.00 / 60.00 Target 64.50 / 68.00 Stop <59.00

- Advertisement -