กดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบ สหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ นักลงทุนรอติดตามการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในสัปดาห์นี้ ทำให้ DOW JONES, NASDAQ, S&P500 ปิด -0.47%, -0.00%, -0.22% ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ กังวลเกี่ยวกับราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทําให้ DAX, FTSE, CAC40, FTMIB ปิด -0.27%, -0.61, -0.26%, 0.97%
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.38 ดอลลาร์ปิดที่ 93.74 ดอลลาร์/ บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบ Brent ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.74 ดอลลาร์ ปิดที่ 100.22 1 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงหนุนจากข่าวซาอุฯ เสนอให้กลุ่มโอเปกพลัสปรับลดกำลังการผลิตเพื่อพยุงราคาน้ำมัน ในกรณีที่น้ำมันดิบจากอิหร่านหวนคืนสู่ตลาดรวมถึงการคาดการณ์สต๊อกน้ำมันลดลง
- ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปรับขึ้นสวนทางกับทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค มีแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ เช่น PTT, PTTEP, TOP, BANPU, LANNA จากราคาก๊าซธรรมชาติในยุโรปที่พุ่งขึ้นทำสถิติใหม่ จากความกังวลปัญหาพลังงานขาดแคลนในฤดูหนาว อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจในยุโรป รวมถึงความกังวลรัสเซียจะซ่อมบำรุงท่อขนส่งก๊าซไปยังยุโรป และอาจจะไม่มีการส่งก๊าซต่อไปหลังเสร็จสิ้นการซ่อมบำรุง กอปรกับมีรายงานข่าวว่ารัฐมนตรีพลังงานซาอุฯ ส่งสัญญาณอาจปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเพื่อรับมือความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อหุ้น defensive อย่าง BH, BDMS เข้ามา และแรงซื้อเก็งกำไรหุ้น PRINC คาดว่าจะได้แรงหนุนจากการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดในการเข้าซื้อโรงพยาบาลเพิ่มจากปัจจุบันที่ 12 แห่ง เป็น 20 แห่งภายในปี 2568 รวมทั้งแรงซื้อเก็งกำไรหุ้นที่มีผลต่อดัชนีอีก 2.7 จุด อย่าง DELTA ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ สัปดาห์นี้คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลกจะยังคงผันผวนจากความกังวลเฟดอาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% นักลงทุนจะได้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ประจำปีในวันสุดสัปดาห์นี้ เพื่อจับสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า
- ดอลลาร์อ่อนค่า หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐฯ เอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 45.0 ในเดือนส.ค. ต่ำสุดในรอบ 27 เดือน จากระดับ 47.7 ในเดือนก.ค. จากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 12.6% สู่ระดับ 511,000 ยูนิตในเดือนก.ค. ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2559 และต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 575,000 ยูนิต จากระดับ 585,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ปรับตัวสูงขึ้น เรามองข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาจะเป็นปัจจัยที่เฟดจะพิจารณาการถอนคันเร่งในการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังเดือนก.ย. นี้เป็นต้นไป
- แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่าแกว่ง ดัชนีฟื้นตัวดีกว่าที่เราคาด โดยเป็นการเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ เรามองหุ้นน้ำมันและถ่านหินยังได้อานิสงค์จากราคาที่พุ่งขึ้นจากการส่งสัญญาณของซาอุฯ แนะนำเก็งกำไร PTTEP, BANPU-W4, LANNA หุ้นส่งออก TFG หุ้นค้าปลีก CPALL, CPN, CRC และหุ้นธนาคารพาณิชย์ KBANK, KTB
กลยุทธ์การลงทุน
Trading: ดีดกลับไม่ข้าม 1,640 จุด แนะนำ “ขายเพื่อรอซื้อกลับเมื่ออ่อนตัว”