Our View? “ไปต่อแบบระมัดระวัง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,623 และแนวต้านที่บริเวณ 1,642 เราคาดตลาดจะเริ่มผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง หลังรับรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. ที่ระดับ 0.75% ไปบ้างระดับหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมองตลาดยังคงติดตามการประชุม Jackson Hole วันที่ 25-27 ส.ค. นี้ คาดจะเห็นทิศทางรวมทั้งท่าทีทางนโยบายทางการเงินของ FED เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) มากขึ้น ซึ่งคาดว่าทำให้ตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบจำกัดต่อไป ทั้งนี้จากตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายบ้านใหม่, PMI ภาครวมการผลิตและบริการ และคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ที่รายงานออกมาในช่วงสัปดาห์นี้ค่อนข้างแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่แบบว่าลองคาดการณ์ GDPNow ของ FED สาขาแอตแลนตา ล่าสุดคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐจะขยายตัวที่ระดับ 1.4% ลดลงจากเมื่อวานนี้ที่ 1.6% และก่อนหน้าที่ 1.8% ซึ่งจะเป็นปัจจัยลดทอนความกังวลในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงของ FED ในระยะถัดไปอาจช่วยให้ตลาดผ่อนคลายได้บ้าง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ ในภาพระยะสั้น ปิดที่ระดับ 94.89 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.15 ดอลลาร์ (+1.23%) โดยได้รับแรงหนุนจากสำานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์ลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนอุปสงค์การใช้น้ำมันของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง อีกทั้งราคาน้ำมันยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการรื้อฟื้นข้อตกลงข้อตกลงนิวเคลียร์ปี’58 หลังสหรัฐและอิหร่านยังไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันได้ ซึ่งส่งผลให้แนวโน้มการกลับมาส่งออกน้ำมันของอิหร่านล่าช้าออกไป คาดจะหนุนทิศทางราคาพลังงานปรับตัวขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นได้ต่อ

สําหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ เราคาดตลาดจะเริ่มผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง จากภาพการเมืองในประเทศมีความชัดเจนมากขึ้น หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องวินิจฉัยคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีคำวินิจฉัย คาดจะได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน มองไม่ส่งผลใดต่อตลาดมากนัก ซึ่ง ครม.ยัง สามารถทำงานต่อไปได้ ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์นักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ระดับ 10 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้น 20 ล้านคนในปี’66 มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า และคาดจะหนุนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทาง ตลาดหุ้นไทย อีกทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อกระแสเงินทุนต่างชาติยังคงเข้าซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง โดยเดือน ส.ค. ซื้อสุทธิไปกว่า 5.09 หมื่นล้านบาท โดยค่าเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง มองเป็นปัจจัยเชิงบวกหนุน ทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าได้ต่อ อย่างไรก็ดี เรายังมองตลาดหุ้นไทยในโซนสูงกว่า 1,640 เป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทยได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนําวันนี้

กลยุทธ์

ทยอยซื้อสะสม “PLANB” แนวรับ 6.50 / 6.40 Target 7.00 / 7.40 Stop <6.25

เก็งกำไร “CPW” แนวรับ 4.72 / 4.66 Target 5.05 / 5.40 Stop <4.60

- Advertisement -