Our View? “รู้ว่าเสี่ยงแต่ยังต้องขอลอง”

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,630 และแนวต้านที่บริเวณ 1,655 เรายังคงมองตลาดยังคงรอติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในการประชุม Jackson hole ในค่ำคืนนี้ คาดอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่อนคลายมากขึ้น หลังประราน FED บางสาขาออกมาแสดงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยที่ 0.50% หรือ 0.75% อีกทั้งเรายังมองตลาดรับรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยของ FED ที่ระดับ 0.75% ไปมากพอสมควรแล้ว คาดปัจจัยดังกล่าวอาจทำให้ตลาดผ่อนคลายในระยะสั้นได้บ้าง แต่ยังต้องติดตามท่าที่ทางนโยบายทางการเงินของ FED เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดของงบดุล (QT) ในระยะถัดไปต่อ ขณะที่เมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ปรับลดลงสู่ระดับ 2.43 แสนราย น้อยกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดแรงงานสหรัฐ พร้อมทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของ GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐออกมา -0.6% ดีกว่าประมาณการครั้งแรกที่ -0.9% คาดจะช่วยผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐได้บ้าง อย่างไรก็ตาม คืนนี้แนะนำติดตามการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ก.ค. ของสหรัฐ คาดจะออกมาที่ +6.4% YoY และ 0.0% MoM เริ่มลดลงจากช่วงเดือนก่อนหน้า บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐเข้าสู่จุดสูงสุดไปแล้วในเดือน มิ.ย. คาดจะช่วยให้ตลาดผ่อนคลายได้ในระยะถัดไป

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ต.ค. เมื่อคืนนี้ย่อตัวลงบ้างปิดที่ระดับ 92.52 ดอลลาร์/บาร์เรล -2.37 ดอลลาร์ หรือ-2.50% คาดเผชิญแรงขายทำกำไรหลังฟื้นตัวขึ้นได้ดีก่อนหน้า อีกทั้งตลาดยังกังวลแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED คาดจะกดดันอุปสงค์น้ำมันลดลง พร้อมทั้งยังติดตามการรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี’58 ซึ่งส่งผลให้อิหร่านมีแนวโน้มกลับมาส่งออกน้ำมันได้ในระยะถัดไป คาดจะกดดันทิศทางราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานย่อตัวลงพักฐานใหม่ได้ในระยะสั้น

ขณะที่เมื่อวานนี้เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่รัฐบาลจีนประกาศเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1 ล้านล้านหยวน หรือราว 1.46 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเยียวผลกระทบจากมาตรการ Lockdown รวมถึงผลกระทบของวิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเราคาดว่าทางการจีนยังคงมีแนวโน้มออกมาตรการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลังเผชิญความเสี่ยงเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของจีน มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาคใดบ้าง

สำหรับปัจจัยในประเทศสัปดาห์นี้ เรายังคงมีมุมมองให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังมากขึ้นกับตลาดหุ้นไทย หลังปรับตัวขึ้นสูงกว่าระดับ 1,640 จุด ซึ่งถือเป็นโซนที่ Valuation ของตลาดในปัจจุบันจะเริ่มตึงตัวมากขึ้น โดย Forward PE เริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 16 เท่า อยู่ในระดับ -0.5 S.D. ในปีนี้ คาดจะจำกัด Upside ระยะสั้นของหุ้นไทย ได้บ้างในระยะสั้น อย่างไรก็ดี เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง โดยเดือน ส.ค. นี้ซื้อสุทธิกว่า 5.27 หมื่นล้านบาท คาดจะหนุนทิศทางหุ้นในกลุ่ม Big Cap. เคลื่อนไหวหนุนตลาดได้ต่อ อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อการที่รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์นักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ระดับ 10 ล้านคน และจะเพิ่มขึ้น 20 ล้านคนในปี’66 มากกว่าที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้า และคาดจะหนุนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง เรามองเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง เรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) และหุ้นในกลุ่มโฆษณา (VGI, PLANB และ MACO) และกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL, CRC และ MAKRO) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมืองและแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H′65 หนุนการบริโภคในประเทศฟื้นตัวขึ้น เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้ มองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเมื่อตลาดอ่อนตัวลง

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้

กลยุทธ์ ทยอยซื้อสะสม “MBK” แนวรับ 15.30 / 15.00 Target 16.70 / 17.60 Stop <14.90

- Advertisement -